แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่มีการโอนที่ดินโดยโอนโฉนดไขว้กันนั้น แม้จะโอนมาช้านานและปกครองที่ตามที่ตั้งใจโอน ถ้ามีผู้รับโอนโฉนดโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจจริต ผู้รับโอนย่อมได้ที่ดินตามโฉนดที่ตนได้รับโอนนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์มีที่ดิน ๒ แปลงติดกัน คือโฉนดที่ ๑๓๖๖ เป็นที่แปลงใหญ่ และโฉนดที่ ๑๓๖๔ เป็นที่แปลงเล็ก
๑๐ มิถุนายน ๒๔๗๔ มารดาโจทก์ยกกรรมสิทธิ์ที่แปลงใหญ่ให้โจทก์ แต่หยิบโฉนดผิดโดยเอาโฉนดแปลงเล็กไปทำการโอน
๒๔๘๒ มารดาโจทก์ตาย โจทก์ยอมให้นายเทียนไปรับโอนมฤดกที่อีกแปลงหนึ่งแทนที่บิดาโดยเอาโฉนดแปลงใหญ่ไปโอนรับมฤดก วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๘๘ นายเทียนเอาโฉนดไปโอนขายให้จำเลย
บัดนี้โจทก์รู้ความจริงว่า โฉนดไขว้กัน จึงฟ้องขอให้แก้โฉนดแปลงใหญ่เป็นของโจทก์ และแปลงเล็กเป็นของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยรับโอนโฉนดที่แปลงใหญ่โดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจจริตจึงได้ที่แปลงใหญ่ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๒๙๙, ๑๓๐๐ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ข้อเท็จจริงเรื่องหยิบโฉนดโอนให้โจทก์ผิดนั้น คู่ความเถียงกัน แต่อย่างไรก็ดี ความข้อนี้ไม่ได้ความตามทางพิจารณาว่า จำเลยผู้รับซื้อทางทะเบียนได้ล่วงรู้หรือจำเลยได้รับโอนโดยไม่สุจจริตอย่างใด คดีปรับเข้า ประมวลแพ่งฯ มาตรา ๑๓๐๐ โจทก์ไม่มีสิทธิ์ขอให้เพิกถอนทะเบียนได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์