แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องขอไห้จำเลยไช้ราคากล้องที่ลักไปเปนเงิน 229 บ. 86 ส.ต. ปรากตว่าจำเลยจำนำกล้องไว้เปนเงิน 76 บ. โจทได้ไถ่คืนมาแล้ว จำเลยรับ สาลพิพากสาไห้จำเลยรับ สาลพิพากสาไห้จำเลยไช้เงินค่าไถ่กล้องคืนได้ ไม่เปนการเกินคำขอ
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๘๔ เวลากลางวันจำเลยได้ลักกล้องส่อง ๒ ตาสำหรับไช้ไนราชการไป ๒ กล้อง และเมื่อเดือนกันยายนปีเดียวกันได้ลักไปอีก ๑ กล้องรวม ๓ กล้องราคา ๒๒๙ บาท ๘๖ สตางค์ จำเลยรับสารภาพและแถลงว่าได้จำนำกล้องไว้ราคา ๗๖ บาท ทางราชการได้ไถ่คืนมาแล้ว สาลชั้นต้นลงโทสจำคุกจำเลยตามกดหมายลักสนะอาณามาตรา ๒๙๔ ทั้งสองกะทงรวมโทส ๓ ปี ๖ เดือน
โจทอุธรน์ขอไห้จำเลยไช้เงินค่าไถ่กล้อง ๘๒ บาท ๐๘ สตางค์ สาลทหานกลางเห็นว่าโจทฟ้องขอไห้จำเลยไช้ราคากล้องที่ลักไปแต่ไนชั้นอุธรน์ขอไห้ไช้เงินค่าไถ่กล่อง ดังนี้ไม่ตรงตามคำขอท้ายฟ้อง ถ้าพิพากสาไห้ก็เปนการเกินคำขอ จึงพิพากสายืน
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าจำเลยรับว่าได้จำนำกล้องไว้เปนเงิน ๗๖ บาท ส่วนดอกเบี้ยจำเลยไม่ได้รับและเรื่องนี้ทางราชการได้ไปไถ่กล้องคืนมาจิง จำเลยได้รับตามคำขอของโจท แต่เปนจำนวนน้อยกว่าและเงินค่าไถ่กล้องนี้ ก็เปนประเภทเดียวกับราคากล้องที่โจทขอไว้เดิม จึงไม่เปนการนอกเหนือหรือเกินคำขอ จึงพิพากสาแก้สาลทหานกลางไห้จำเลยไช้ราคากล้องที่จำนำไว้เปนเงิน ๗๖ บาทด้วย นอกนี้คงพิพากสายืน