แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องอ้างว่า จำเลยเข้าจัดการมรดกของผู้ตายโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้ถอดถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย และตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการแทนนั้น เมื่อปรากฎว่า
ทรัพย์อันอ้างว่าเป็นมรดกนั้นจะมีอยู่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ทั้งอ้างว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกโดยไม่ชอบอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะต้องพิจารณาในข้อถอดถอนจำเลยและตั้งโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ปรากฎว่ามีอยู่หรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ปู่โจทก์ถึงแก่กรรม มีทรัพย์สมบัติเป็นเงินสดประมาณ ๑๒๐๐,๐๐๐ บาท เจ้ามรดกแสดงเจตนาให้แบ่งปันระหว่างหลาน จำเลยทั้ง ๒ ผู้เป็นอา เข้าจัดการมรดกรายนี้โดยศาลมิได้แต่งตั้ง จำเลยจัดการไม่สุจริต จึงขอให้ศาลสั่งถอนอำนาจจัดการมรดกของจำเลย และตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการแทน
จำเลยให้การว่า มรดกของผู้ตายแบ่งปันกันเสร็จตั้งแต่ ร.ศ. ๑๒๐ จำเลยมิได้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ใด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำที่โจทก์แถลงต่อศาล ไม่ปรากฎว่ามีทรัพย์ อะไรของผู้ตายตกอยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์ไม่สามารถที่จะระบุได้ นอกจากกล่าวว่า เป็นเงิน ๑๒๐๐๐๐๐ บาท แต่ไม่ทราบว่า เวลานี้อยู่ที่จำเลยหรือไม่
อีกประการหนึ่งโจทก์แถลงว่า จำเลยเข้าเป็นผู้จัดการโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่กฎหมายมิได้ยอมรับนับถือ จึงไม่มีเหตุอันใดที่ศาลจะต้องพิจารณาข้อถอดถอนจำเลยและแต่งตั้งโจทก์ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่ปรากฎว่ามีอยุ่หรือไม่
เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่แสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งปราศจากข้ออ้างอิงที่อาศัยเป็นหลัก เป็นคำฟ้องที่เลื่อนลอยไม่มีประเด็นจะพิจารณาได้
จึงพิพากษายืน