คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงเช็ค ได้ส่งเช็คซึ่งกำหนดแล้วให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่แทนเช็คฉบับนั้นเพราะธนาคารปฏิเทธการจ่ายว่ามีเงินไม่พอจ่าย จำเลยได้รับเช็คแล้วได้เอาเช้คนั้นหลบหนีไป และไม่ได้ออกเช็คให้ใหม่ ดังนี้ เป็นการเอาไปเสียซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๐๖ จำเลยได้บังอาจเอาเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับบเงินได้จากธนาคารไทยพัฒนา จำกัด สาขามหานาคได้ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๐๖ ของนายบันซิงห์ ดำปีร์ ผู้เสียหายไปโดยทุจรติ แล้วจำเลยได้ทำลายหรือซ่อนเร้นเช็คดังกล่าว อันเป็นการทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย โดยขาดเอกสารในการฟ้องร้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๑๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ ให้จำคุก ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้เสียหายมอบเช็ครายพิพาทให้แก่จำเลย เพื่อให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่ เช็ครายพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยไปตามข้อตกลงกันใหม่ เมื่อเช็ครายพิพาทตกเป็นของจำเลยแล้ว จำเลยหลบหนีไปพร้อมกับเช็คนั้น ไม่เป็นความผิดทำลายหรือซ่อนเร้นเช็คตามฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้า ๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อเช็คถึงกำหนด ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงคนสุดท้ายได้นำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงิน ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย ผู้เสียหายจึงไปพบกับจำเลยที่บ้าน จำเลยอ้างว่าขณะนี้ไม่มีเงินจ่ายจะขอเปลี่ยนเช็คให้ใหม่ ผู้เสียหายยินยอมและได้มอบเช็คดังกล่าวให้จำเลย จำเลยเอาเช็คนั้นขึ้นไปชั้นบนของบ้าน แล้วหลบหายไปพร้อมกับเช็คและไม่ได้ออกเช็คให้ใหม่ ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาโดยตรงที่จะเอาเช็คซึ่งเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องดำเนินคดีไปจากผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่มีเจตนาจะออกเช็คให้แก่ผู้เสียหายเลย การมอบเช็คของผู้เสียหายในลักษณะดังกล่าว จึงไม่ทำให้เช็คพิพาทตกเป็นของจำเลยไปแล้ว ผู้เสียหายจึงคงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ การเอาไปเสียของจำเลยย่อมทำให้ผู้เสียหายขาดเอกสารที่จะฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมาย นับว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ แล้ว พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share