คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยกที่ดินให้ใช้เป็นทางสาธารณะแล้วจะให้แก่รัฐหรือเทศบาลก็มีผลเช่นเดียวกัน และไม่จำต้องจดทะเบียนอย่างการโอนให้แก่เอกชน
คดีที่ฎีกาได้แต่ฉะเพาะในปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดมาแล้ว
ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้ใช้แทนนั้นเป็นดุลยพินิจและเป็นข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีห้องแถวปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ในเขตต์เทศบาล โจทก์ได้ทำบาทวิถีไว้หน้าห้องแถวในที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๒ กับพวกบุกรุกเข้าทำลายบาทวิถี ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายร่วมกัน ๕๐๐ บาท
ทางพิจารณาได้ความว่า นายริ้วได้ตัดถนนสายหนึ่งขึ้นในที่ดินของนายริ้วและโจทย์กับญาติเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดเพื่อเชื่อมถนนที่มีอยู่แล้ว ทั้งทางตะวันออกและทางตะวันตก เมื่อตัดแล้วก็ปลูกสร้างห้องแถวขึ้นทางตามริมถนนและทำบาทวิถี ต่อมานายริ้วได้ทำหนังสือมอบถนนสายนี้ให้แก่เทศบาลตามเอกสารหมาย ๑ ทางเทศบาลได้เข้าครอบครองและบำรุงรักษาตลอดมา และให้ชื่อถนนสายนี้ว่า “ถนนเมืองเก่า”
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาได้ฉะเพาะในปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ข้อกฎหมายที่โจทก์คัดค้านคงมีว่า การยกที่ดินให้แก่เทศบาลซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จะต้องจดทะเบียนจึงจะใช้ได้ตามกฎหมาย ไม่เหมือนการยกให้แก่รัฐ ข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การยกที่ดินให้เป็นทางสาธารณะเช่นนี้ จะให้แก่รัฐหรือเทศบาล ก็มีผลเช่นเดียวกัน คือเป็นการสละให้เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตาม ป.ม.แพ่งมาตรา ๑๓๐๔ หาจำต้องทำพิธีจดทะเบียนอย่างการโอนให้แก่เอกชนไม่ อ้างฎีกาที่ ๓๓๒/๒๔๗๕ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องยืนตามศาลล่างทั้งสอง

Share