คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ กับ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว มิใช่เป็นกฎหมายที่ใช้แทนหรือขัดกัน เพราะ พ.ร.บ.ฉะบับแรกมีความมุ่งหมายเพื่อให้มีเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของต่าง ๆ เพียงพอแก่ความต้องการของประเทศ ส่วนมุ่งหมายแห่ง พ.ร.บ.ฉะบับหลังมีเพียงแต่สำรวจและห้ามกักกันข้าว เมื่อมีการกระทำฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามอำนาจใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ก็ต้องใช้ พ.ร.บ.นี้บังคับ จะนำ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวมาใช้บังคับแทนไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยมีข้าวเปลือกเกินกว่า ๕๐ ถัง ไม่ไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในกำหนด ๗ วันตามประกาศ ซึ่งได้ออกโดยอาศัยอำนาจใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในเรื่องเกี่ยวกับข้าวนั้น ต้องบังคับตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งออกภายหลัง และกำหนดเวลาให้แจ้งปริมาณข้าวที่มีไว้ไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน จำเลยจึงไม่ผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ๒๔๘๘ กับ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ๒๔๘๙ มิใช่เป็นกฎหมายที่ใช้แทนกันหรือขัดกัน เพราะ พ.ร.บ.ฉะบับแรกมีความมุ่งหมายเพื่อให้มีเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของต่าง ๆ เพียงพอแก่ความต้องการของประเทศ ส่วนความมุ่งหมายแห่ง พ.ร.บ.ฉะบับหลัง มีเพียงแต่สำรวจและห้ามกักกันข้าว เมื่อจำเลยฝ่าฝืนประกาศ ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ก็ต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ จะเอา พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวมาบังคับแทนไม่ได้ จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share