คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินสวนมะพร้าว แม้จะไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินก็ดี ย่อมถือได้ว่าเป็นที่ดินซึ่งได้ปลูกพรรณไม้อันมีค่า เป็นที่ดินมีราคาแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ผู้ครอบครองย่อมหวงแหน ถืออำนาจเป็นเจ้าของและครอบครองกรรมสิทธิ์ไม่สละละทิ้งไปง่าย ๆ ต่อเมื่อผู้อื่นเข้าครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิตามมาตรา 1382.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์กู้เงินจำเลยไป ๒๐๐ บาท ได้มอบสวนมะพร้าวให้จำเลยเก็บผลต่างดอกเบี้ย ต่อมามารดาโจทก์วายชนม์ โจทก์ขอชำระเงินกู้ จำเลยไม่ยอม จึ่งขอให้ศาลบังคับจำเลยรับเงิน ๒๐๐ บาท และคืนสวนมะพร้าวให้โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้มีข้อความว่า ถ้าไม่ใช้ต้นเงินให้ภายใน ๓ ปี มารดาโจทก์ยอมยกที่ดินให้จำเลยแทนต้นเงิน บัดนี้เกินกำหนดมาถึง ๕ ปีแล้ว ที่ย่อมเป็นของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับเงิน ๒๐๐ บาท และคืนสวนให้โจทก์
จำเลยฎีกาในข้อกฎหมายว่า ที่สวนมะพร้าวนี้ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ต้องถือว่าเป็นมือเปล่า สละการครอบครองเมื่อใดก็ขาดสิทธิครอบครอง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่รายพิพาทเป็นสวนมะพร้าว นับว่าเป็นที่ดินซึ่งได้ปลูกพรรณไม้อันมีค่า เป็นที่ดินมีราคาแล้วเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่ผู้ครอบครองย่อมหวงแหนถืออำนาจเป็นเจ้าของ และครองกรรมสิทธิซึ่งจะไม่สละละทิ้งไปได้ง่าย ๆ ต่อเมื่อผู้อื่นเข้าครอบครอง โดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของครบ ๑๐ ปี จึงจะได้กรรมสิทธิตามมาตรา ๑๓๘๒ ในคดีนี้จำเลยเข้าครอบครองยังไม่ถึง ๑๐ ปี จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ จึงพิพากษายืน

Share