คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภริยาแยกกันอยู่ระหว่างใช้ ป.พ.พ.บรรพ 5 แล้วภริยาไปอยู่กับชู้จนเกิดบุตรด้วยกัน ดังนี้สามีภริยายังเป็นสามีภริยากันอยู่.

ย่อยาว

ความว่า เดิมโจทก์แต่งงานกับนางม้อนอยู่กินด้วยกันเกิดบุตร ๒ คน และมีสินสมรสหลายอย่าง ต่อมานางม้อนเป็นชู้กับจำเลย โจทก์แยกเรือนไปอยู่กับพี่สาวโจทก์ แต่มิได้หย่าขาดจากนางม้อน จำเลยก็ก็อยู่กับนางม้อนอย่างออกหน้าออกตา เป็นเวลา ๖ ปี เกิดบุตรด้วยกัน ๓ คน แล้วนางม้อนวายชนม์ โจทก์จึงฟ้องเรียกเรือนหอซึ่งเป็นสินเดิมของโจทก์ และให้แบ่งสินสมรมให้โจทก์และบุตรโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่านางม้อนได้หย่าขาดกับโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์กับนางม้อนได้เลิกร้างกันไปแล้ว บุตรโจทก์กับนางม้อนเท่านั้นเป็นผู้รับมฤดก จึงพิพากษาให้แบ่งทรัพย์มฤดกระหว่างบุตรโจทก์จำเลยคนละส่วน ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ยังคงเป็นสามีนางม้อนอยู่ ทรัพย์ที่เป็นสินสมรสให้แบ่ง ๓ ส่วน เป็นของโจทก์ ๒ ส่วน อีก ๑ ส่วนรวมกับสินเดิมของนางม้อนเป็นมฤดกของนางม้อนให้แบ่งแก่บุตรนางม้อน ๕ คน ๆ ละส่วน
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ระหว่างที่โจทก์แยกกับนางม้อนเป็นเวลาที่ใช้ ป.พ.พ.บรรพ ๕ แล้ว ตามความในมาตรา ๑๔๙๗,๑๔๙๘ โจทก์ยังคงเป็นสามีนางม้อนอยู่ การที่โจทก์ไม่ฟ้องชายชู้ก็ดี หรือการที่นางม้อนมีบุตรกับจำเลย ๓ คนก็ดี ไม่เป็นเหตุให้โจทก์หย่าขาดกับนางม้อน ส่วนเรื่องทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share