คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้เซ็นชื่อลงในใบมอบฉันทะ โดยไม่ได้กรอกข้อความอะไรเลย มอบให้จำเลยที่ 2 ไว้เพื่อว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ชำระหนี้เงินให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะได้โอนที่ดินเป็นของจำเลยที่ 2 ตามที่ตกลงกันไว้ แล้วจำเลยที่ 1,2 และ 4 คบคิดกันกรอกข้อความลงในใบมอบฉันทะนั้นว่า โจทก์มอบให้จำเลยที่ 1 ไปขายที่ดินนี้แก่จำเลยที่ 5,6 ซึ่งผิดจากที่ได้รับมอบหมายไว้ เป็นเรื่องยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 315 ถ้าจำเลยที่ 5,6 ได้รับซื้อโดยสุจริต รูปคดีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 822 โจทก์ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 5,6 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าจำเลยผู้รับซื้อที่พิพาท ได้สมคบกับจำเลยซึ่งเป็นผู้กรอกลงในใบมอบฉันทะของโจทก์ ซึ่งมีแต่ลายมือชื่อหรือกระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งมิได้นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยผู้ซื้อนี้อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลทำลายนิติกรรมการซื้อขายที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ ๑ โอนขายให้จำเลยที่ ๕,๖ โดยนำใบมอบฉันทะซึ่งโจทก์เซ็นแต่ชื่อมิได้กรอกข้อความ มอบไว้แก่จำเลยที่ ๒ ไปใช้โดยจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ สมคบกันกรอกข้อความเท็จลงไปในใบมอบฉันทะนั้น แล้วไปโอนขายให้จำเลยที่ ๕ ที่ ๖ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วยเลย จำเลยทุกคนให้การต่อสู้ว่า ในใบมอบฉันทะถูกต้องตรงกับความจริง และจำเลยที่ ๕ ที่ ๖ ซื้อไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๓ ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังตามโจทก์นำสืบว่า โจทก์ได้เซ็นแต่ชื่อลงในใบมอบฉันทะโดยไม่ได้กรอกข้อความอะไรเลย มอบให้จำเลยที่ ๒ ไว้เพื่อว่าเมื่อจำเลยที่ ๒ ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ จะได้โอนที่ดินเป็นของจำเลยที่ ๒ ตามที่ตกลงไว้ แล้วจำเลยที่ ๑,๒ และ ๔ คบคิดกันกรอกข้อความลงในใบมอบฉันทะว่า โจทก์มอบให้จำเลยที่ ๑ ไปขายที่ดินนี้แก่จำเลยที่ ๕,๖ ซึ่งผิดจากที่มอบหมายไว้ก็ดี เป็นเรื่องยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๕ ถ้าจำเลยที่ ๕,๖ รับซื้อไว้โดยสุจริต รูปคดีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอก ป.ม.แพ่งมาตรา ๘๒๒ โจทก์ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อจำเลยที่ ๕,๖ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ปัญหาว่า จำเลยที่ ๕,๖ ได้ทำสัญญาซื้อโดยสุจริตหรือไม่นั้น ตามฟ้องโจทก์ไม่กล่าวเลยว่า จำเลยที่ ๕,๖ ได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ หรือว่ากระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งไม่นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยทั้งสองผู้ซื้อนี้แต่อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายตามที่โจทก์ขอได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share