แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับผู้อื่นยักยอกทรัพย์ของหลวง ทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยยักยอกทรัพย์นั้นโดยลำพังตนผู้เดียวก็ลงโทษได้ ไม่เรียกว่า เกินคำขอของโจทก์ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.192 วรรค 1 ลักษณะที่ไม่เปนฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับ ร.สมคบกันทุจจริตยักยอกเอาเงินค่าภาษีอากรและผลประโยชน์ซึ่งจำเลยได้ออกใบเสร็จเก็บจากผู้มีชื่อไป ๑๕ ครั้ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยและ ร.ตามก.ม.อาญา ม.๑๓๑ จำคุกจำเลย ๖ เดือน
จำเลยฎีกาคัดค้าน ว่าที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าจำเลยกับ ร.มิได้สมคบกัน แต่โทษของจำเลยแยกตามผลของการ กระทำผิดได้จึงให้ลงโทษจำเลยในการกระทำของตนในจำนวนเงินที่ตนได้ยักยอกต่างหากจาก ร.จำเลยนั้น เปนการเกินคำขอ ขัดต่อ ม.๑๙๒ วรรค ๑ แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา
ศาลฎีกาตัดสินว่าศาลอุทธรณ์หาได้ตัดสินเกินคำขอไม่ การกระทำของจำเลยที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษก็คือที่โจทก์กล่าวในฟ้อง แม้จะฟังว่าจำเลยมิได้สมคบกันแต่การกระทำก็เปนความผิดดังปรากฎในข้อหาของโจทก์แล้ว ส่วนข้อที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายความในฟ้องชัดเจนแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นให้ยก