แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้ปืนอันเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเขา เนื่องจากมีมูลสาเหตุกันมาในระยะเพียง 5 วาดังนี้ เมื่อไม่มีเหตุผลเป็นอย่างอื่นก็ต้องฟังว่า มีเจตนายิงเขาให้ตาย กระสุนปืนไม่ถูกเขาจำเลยมีผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา
จำเลยเกิดวิวาทชกต่อยกันกับผู้เสียหาย แล้วมีผู้ห้ามแยกกันไป ต่อมาอีก 15 นาทีจำเลยเอาปืนแก๊ปมาไล่ยิงผู้เสียหายอีก แต่ไม่ถูกดังนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันมา จะเรียกว่าพยายามด้วยความพยาบาทยังไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่าในวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ ๑๐ น.นายบองกับจำเลยได้เกิดเป็นปากเป็นเสียงกัน ก่อนเกิดเรื่องนายบองหาว่าจำเลยเดินผ่านไร่ฝ้ายเกิดชกต่อยกัน มีผู้มาห้ามต่างก็แยกทางกันเดินไป ต่อจากนั้นราว ๑๕ นาทีจำเลยกลับมาหานายบองอีกโดยมีปืนแก๊ปยาวทั้งด้ามและตัวยาว ๑ คืน เศษมาด้วย ๑ กระบอก และได้ใช้ปืนนั้นยิงนายบอง ๑ นัด ในขณะที่วิ่งไล่ตามนายบองในระยะห่างกัน ๕ วา แต่กระสุนไม่ถูกนายบอง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๐(๓), ๖๐
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยใช้ปืนแก๊ปยิงนายบองจริงแต่ตามพฤตติการณ์เชื่อว่าจำเลยยิงขู่ ไม่มีเจตนาจะยิงให้ถูก พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๕๐(๓) , ๖๐
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้ปืนอันเป็นอาวุธร้ายแรงยิงนางบอง เนื่องจากมีมูลสาเหตุกันมาในระยะเพียง ๕ วา ดังนี้ เมื่อไม่มีเหตุผลเป็นอย่างอื่น ก็ต้องฟังว่าจำเลยมีเจตนายิงนายบองให้ตาย แต่การกระทำของจำเลยเท่าที่ปรากฎมาเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันมาจะเรียกว่าพยายามด้วยความพยาบาทยังไม่ได้
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๖๐ จำคุก ๑๐ ปี