แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ซื้อเชื่อครั่งของเขาไป ภายหลังตกลงทำเป็นสัญญากว่ากู้เงินของเขาไปเป็นจำนวนเงินเท่าราคาครั่งที่เชื่อไป และมีกำหนดต้องเสียดอกเบี้ยด้วย ดังนี้เป็นการแปลงหนี้ใหม่ เพราะคู่กรณีได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ต่อกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยเป็นหนี้เงินค่าครั่งของโจทก์อยู่ ๒๔๘๘ บาท ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาเป็นกู้เงินจำนวนหนี้ของโจทก์ ยอมคิดดอกเบี้ยให้แล้วผิดสัญญาไม่ส่งดอกเบี้ย โจทก์จึงฟ้องขอให้ชำระเงินกู้ดอกเบี้ยและค่าเสีย
จำเลยปฏิเสธสัญญากู้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๒๔๘๘ บาท กับดอกเบี้ยตามสัญญา ให้ใช้ค่าเสียหาย ๕๖ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยซื้อเชื่อครั่งของโจทก์ไป เงินค่าครั่ง ๒๔๘๘ บาท จำเลยจะต้องส่งใช้แต่ภายหลังจำเลยตกลงทำสัญญาว่าได้กู้เงินของโจทก์ไปเป็นจำนวนเงินเท่าราคาครั่งที่จำเลยซื้อไป ดังนี้เป็นการแปลงหนี้จากเงินค่าซื้อเชื่อครั่งมากเป็นเงินกู้กัน และมีกำหนดต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละห้าสลึงต่อเดือนเป็นการแปลงหนี้ใหม่ เพราะโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ต่อกัน โจทก์มีสิทธินำสัญญากู้มาฟ้อง
จึงพิพากษายืน