คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยรับของโจรตามกฎหมายอาญามาตรา 321 โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบว่าจำเลยได้รับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย
โจทก์บรรยายฟ้องว่ากระบือที่ถูกคนร้ายลักไปนั้นมาจับได้จากจำเลยโดยจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย มิได้บรรยายว่ากระบือนั้นไม่มีตั๋วพิมพ์รูปพรรณและจำเลยแสดงความบริสุทธิไม่ได้ ด้วยดังนี้ แม้โจทก์จะอ้าง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะมาตรา 20 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย ก็ยกมาตรา 20 ใน พ.ร.บ.นี้มาปรับแก่คดีไม่ได้(คือจำเลย++สืบก่อน) เจ้าพนักงานสอบสวนถามคำให้การจำเลยโดยไม่ได้เตือนจำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา 134 คำให้การชั้นสอบสวนนั้นฟังเป็นพะยานหลักฐานใช้ยันจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้มีคนร้ายลักกระบือของเจ้าทรัพย์ซึ่งอยู่ในความรักษาของนายพรมไป ๑ ตัว ต่อมาเจ้าพนักงานจับกระบือตัวที่ถูกลักนั้นได้จากจำเลย โดยจำเลยได้รับกระบือนี้ไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๑,๗๒ พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ ศก ๑๑๙ ม.๒๐
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๑,๗๒
ศาลฎีกาฟังว่า กระบือของกลางนี้เป็นกระบือที่ไม่มีตั๋วพิมพ์รูปพรรณ และได้หายไปแล้วไปจับได้ที่จำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องแสดงความบริสุทธิหรือไม่ เห็นว่าโจทก์เพียงแต่อ้าง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะมาตรา ๒๐ เป็นคำขอท้ายฟ้องอาญา มิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่า กระบือของกลางเป็นกระบือไม่มีตั๋วพิมพ์รูปพรรณ จำเลยแสดงความบริสุทธิไม่ได้ โจทก์กลับอ้างว่าจำเลยรับกระบือนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย จึงยก พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ ศก ๑๑๙ มาตรา ๒๐ มาปรับแก่คดีนี้มิได้ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบว่าจำเลยรับกระบือไว้โดยรู้ว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย คดีนี้เจ้าพนักงานสอบสวนได้ถามคำให้การจำเลยโดยมิได้ให้คำตักเตือนจำเลยตามประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๑๓๔ คำให้การดังนั้นจึงฟังเป็นพะยานหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีผิด จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ ยืนตามศาลชั้นต้น

Share