แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางเดินในที่ดินของเอกชนซึ่งมีผู้ถือวิสาสะให้เป็นทางเดินเพื่อความสะดวกบางประการนั้นเมื่อเจ้าของมิได้อุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดแล้ว ก็หาทำให้ทางเดินนั้นกลายสภาพเป็นทางสาธารณะไม่
การที่ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันโดยไม่มีทางสาธารณะคั่นกลางนั้น เมื่อกิ่งก้านต้นไม้ในที่ดินของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนั้นต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินติดต่อกับที่ดินของจำเลย ต้นไม้ที่จำเลยปลูกไว้เป็นแนวเขตได้งอกงามแผ่รากกิ่งก้านสาขาและลำต้นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เดือดร้อนขอให้บังคับจำเลยตัดฟันรื้อถอนราก ลำต้นโคนต้นกิ่งก้านต้นไม้ของจำเลยที่รุกล้ำไปในที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นฟังว่า มีทางเดินสาธารณะคั่นระหว่างที่ดินโจทก์จำเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ส่วนหนึ่งส่วนใดของต้นไม้ในที่ดินของจำเลยจะรุกล้ำบ้างก็รุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะ หาได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ไม่พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์เปิดทางพิพาทอันเป็นทางสาธารณะตามฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยตัดฟันต้นไม้และส่วนของต้นไม้ที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ผู้รับมรดกความของจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่มีทางสาธารณะอยู่ในที่ดินของโจทก์ตอนติดกับที่ดินของจำเลยจึงจะฟังว่าที่ตอนนั้นเป็นทางสาธารณะหาได้ไม่ ศาลฎีกาเชื่อว่า ตอนแนวเหนือสุดของที่ดินโจทก์ได้มีผู้ที่อยู่ใกล้เคียงหรือที่เป็นญาติพี่น้องกัน ได้ใช้อาศัยสัญจรไปมาบ้างเพื่อติดต่อกับหมู่บ้านใต้ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของคลอง แต่การที่มีผู้อาศัยใช้เป็นทางเพื่อกิจธุระนั้น ก็น่าจะเป็นการถือวิสาสะเพื่อความสะดวกบางประการ ดังจะเห็นได้จากคำพยานจำเลยว่า ชาวพังงานั้น ถ้าจะเดินผ่านที่ของผู้อื่นชั่วครั้งคราว ก็ไม่หวงห้ามกัน ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อทางเดินนี้ไม่ได้ความเลยว่า มีการอุทิศให้เป็นทางสาธารณะโดยตรงหรือโดยปริยาย ก็จะถือว่าทางเดินนั้นมีสภาพเป็นทางสาธารณะยังไม่ได้
เมื่อฟังว่า เขตที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของจำเลยไม่มีทางสาธารณะ การที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้ในที่ดินของฝ่ายจำเลยแผ่รุกล้ำเข้าไปในแดนกรรมสิทธิของโจทก์ฝ่ายจำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องจัดการบำบัดอย่าให้มีสภาพเช่นนี้ต่อไป ดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมาชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย