คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 989/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้โดยไม่มีคำขอให้บังคับจำนอง จำเลยทำประนีประนอมยอมความยอมใช้เงินและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกันต่อไปแล้วศาลพิพากษาตามยอมนั้น คงถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องและศาลมิได้พิพากษาให้บังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมความ โจทก์ย่อมบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้ได้
การที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ทรัพย์ที่ขอให้ปล่อยนั้นมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ในคดีที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะให้ศาลสั่งถอนการยึดได้.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์บังคับคดีนำยึดทรัพย์จำเลยผู้ร้องร้องคัดค้านว่า เครื่องสตีม ๑ เครื่องจำเลยขายฝากไว้กับผู้ร้อง ทั้งมิใช่ทรัพย์ที่จำเลยจำนองไว้กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับคดีแก่ทรัพย์รายนี้ ขอให้ปล่อย
โจทก์ให้การว่า คดีนี้จำเลยทำสัญญายอมความแล้วโจทก์จึงยึดทรัพย์อื่นใดได้ไม่เฉพาทรัพย์จำนอง และต่อสู้อื่น ๆ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สิทธิของโจทก์ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๓๓ จึงไม่มีสิทธิบังคับแก่ทรัพย์สินนอกสัญญาจำนอง ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้รับซื้อฝากทรัพย์รายนี้ไว้จริงหรือไม่ ให้ถอนการยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการสืบพยานแล้วมีคำพิพากษาไปตามรูปคดี
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีที่โจทก์จำเลยยอมความและศาลพิพากษาตามยอมนั้น โจทก์ฟ้องและมีคำขอให้จำเลยชำระเงินกู้ หาใช่ฟ้องบังคับจำนองไม่ กล่าวคือ โจทก์ฟ้องในมูลหนี้ตามสัญญากู้และเบิกเงินเกินบัญชีที่ทำกันภายหลังการจำนองโดยจำนองนั้นเป็นประกัน ที่โจทก์กล่าวถึงสัญญาจำนองมาในฟ้องก็มิได้มีฟ้องหรือคำขอเกี่ยวกับการบังคับจำนองนั้นแต่อย่างใด เมื่อจำเลยมาทำสัญญาประนีประนอมต่อหน้าศาลยอมใช้เงินยอมให้ถือว่าสัญญาจำนองเป็นหลักค้ำประกัน ศาลฎีกาจึงเห็นว่า โจทก์มิได้ฟ้องและศาลก็มิได้พิพากษาบังคับจำนอง เป็นแต่เพียงฟ้องและพิพากษาในมูลหนี้สามัญเท่านั้น ไม่มีเหตุที่จะขัดขวางการที่โจทก์จะบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยนอกเหนือไปจากที่จำนองไว้
พิพากษายืน.

Share