แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์กู้เงินกันแล้วมอบที่นามือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ยโดยสัญญากันว่าเมื่อถึงกำหนด 2 ปีผู้กู้ไม่มาเอานาไปก็ยอมมอบนาให้แก่ผู้ให้กู้ครั้นครบกำหนด 2 ปีผู้กู้ก็ไม่ชำระเงิน ผู้ให้กู้จึงครอบครองที่นาต่อมานับแต่วันครบกำหนดเกิน 1 ปีแล้วดังนี้ผู้กู้จะเอาที่นาคืนมิได้ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.84 (1) ,183 ประเด็น เอกสารซึ่งคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายรับรองความเท็จจริงไว้แล้ว แม้ในชั้นพิจารณาโจทก์นำสืบถึงปีที่ลงไว้ในเอกสารนั้นผิดไปก็ดี ก็ไม่เรียกว่าโจทก์สืบผิดประเด็น
ย่อยาว
โจทก์กู้เงินจำเลยไป ๒๓๐ บาทแล้วมอบที่นามือเปล่าให้ทำต่างดอกเบี้ย และสัญญาจะชำระหนี้ภายใน ๒ ปี ครั้นถึงกำหนดโจทก์ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาจำเลยก็คงครอบครองที่นาตลอดมา บัดนี้โจทก์จะใช้เงินเพื่อเอาที่นาคืน จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยรับเงินชำระหนี้แล้วคืนที่นาให้โจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีนี้แม้โจทก์จะนำสืบผิดไปว่าโจทก์ทำหนังสือไว้กับจำเลยเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ แต่ความจริงปรากฎตามหนังสือสัญญานั้นเป็น พ.ศ.๒๔๗๖ ก็ไม่สำคัญ เพราะโจทก์จำเลยรับกันแล้วว่าเป็นหนังสือที่ได้ทำขึ้นจริงแล้ว แต่การที่จำเลยเข้าครอบครองมานั้นในชั้นแรกอาศัยสิทธิตามสัญญาแต่ความในสัญญาข้อ ๒ มิว่าเมื่อถึงกำหนด ๒ ปีโจทก์ไม่มาเอานากลับคืนก็ยอมให้จำเลยยึดเอาที่นาไว้ได้โดยโจทก์ไม่เกี่ยวข้องด้วย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินเอานาคืนไปภายใน ๒ ปี สิทธิครอบครองของจำเลยจึงกลายเป็นครอบครองเพื่อตนนับแต่วันครบกำหนด ๒ ปีเป็นต้นไป เมื่อจำเลยครอบครองต่อมาเกิน ๑ ปีและที่รายพิพาทเป็นที่นามือเปล่า จำเลยจึงยกมาตรา ๑๓๗๕ ขึ้นตัดฟ้องได้ พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์