แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุเอาอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาตแล้วไปใช้ยิงป้องกันการประทุษฐ์ร้ายซึ่งเจ้าของปืนก็อยู่ในที่นั้นด้วยนั้น ไม่มีผิดฐานมีอาวุธปืน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนของนายสิบโทช่วยซึ่งได้รับอนุญาตแล้วไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและใช้ปืนนั้นยิงนายเชยตาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๔๙ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๑๑,๕๒
ศาลชั้นต้นลงโทษตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๔๙,๕๓ จำคุก ๓ ปี ในเรื่องหาว่ามีอาวุธปืนศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อาวุธปืนที่จำเลยยิงผู้ตายเป็นของนายสิบโทบุญช่วย ซึ่งเวลานั้นเจ้าของก็อยู่ที่นั่น เจ้าของเป็นผู้ครองครอง หาใช่จำเลยไม่ จำเลยจึงไม่มีผิดในข้อนี้ตามฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าวันเกิดเหตุบ้านนายดำมีงาน จำเลยไปกับนายสิบโทบุญช่วยซึ่งเป็นคู่เขยกับนายดำ ผู้ตายก็ไปช่วยงานด้วย เมื่อผู้ตายทราบว่าน้อยชายนายคำฟันน้องภริยาผู้ตายหน้าแตก คงจะมีความโกรธและเข้าใจว่าน้องนายดำเข้าไปในบ้านนายดำ ผู้ตายจึงถือไม้ออกหน้าพาพวกจะเข้าบ้านนายคำ (บ้านนายดำมีคูล้อมตรงนั้นมีทางเข้า) และพวกเราไปไหนหมด ตีโหมเข้าไปเถิด จำเลยและนายสิบโทบุญช่วยคงคิดว่าผู้ตายจะพาคนเข้ามาทำร้ายคนในบ้านนายดำโดยไม่เลือกหน้า ในขณะที่ผู้ตายนำพวกมาถึงคูเขตต์บ้านและตัวผู้ตายขึ้นเรือซึ่งทอดเป็นสพานข้ามคู พยายามจะรุกเข้าไปทำร้ายคนในบ้านและใกล้ตัวจำเลยซึ่งถือปืนยืนป้องกันสักวาเศษ จำเลยก็ยิงผู้ตายตาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการป้องกันเกินแก่เหตุ และในเรื่องมีอาวุธปืนก็เห็นชอบด้วยศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน