แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่เจ้าทรัพย์ว่าขอเช่าเรือ เมื่อเจ้าทรัพย์มอบให้ไปแล้วจำเลยเจตนาทุจจริตยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา 304,314 ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยฉ้อโกงแต่อย่างเดียว ศาลรับไว้วินิจฉัยได้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้อบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่เจ้าทรัพย์ว่าขอเช่าเรือไปบรรทุกจาก ๕ วัน เจ้าทรัพย์หลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงมอบเรือให้จำเลยไปจำเลยรับมอบเรือแล้วบังอาจเจตนาทุจจริตยักยอกเอาเรือของเจ้าทรัพย์ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณอาญา มาตรา ๓๐๔,๓๑๔
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๔
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องดังนี้ โจทก์มีความมุ่งหมายจะขอให้ลงโทษฐานหลอกลวงฉ้อโกงอย่างเดียว เพราะถ้ามีการหลอกลวงให้ส่งมอบเรือแล้วการทำผิดฐานยักยอกก็จะเกิดขึ้นไม่ได้แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้จำเลยฉ้อโกง จึงพิพากษายืน ให้ปล่อยจำเลยไป