คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นของโจทก์และเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยคนหนึ่งเคยกั้นรั้วรุกล้ำเข้ามา แต่ก็รื้อไปตังแต่ก่อนเกิดพิพาทกัน จำเลยอีกคนหนึ่งเคยเข้ามาปลูกต้นยางไว้ แต่ก็ได้โค่นหมดไปหลายปีแล้ว ย่อมต้องถือว่าการแย่งการครอบครองครั้งนั้น ๆ ยุติไปแล้ว สิทธิครอบครองคงอยู่กับโจทก์ เมื่อโจทก์จะรังวัดเพื่อโอนที่ดินให้ผู้อื่น จำเลยไม่มีสิทธิร้องคดค้านหรือขัดขวาง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน ๑ แปลง จำเลยที่ ๑ ได้รุกล้ำทางด้านเหนือโดยปลูกต้นไม้ ทำเล้าไก่ ขุดบ่อส้วมซึม และกั้นลวดตาข่ายแต่ทำ ๆ รื้อ ๆ เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๐๒ จำเลยที่ ๑ ได้ไปร้องคัดค้านการโอนที่ดินแปลงนี้ว่าติดที่ของจำเลยที่ ๑ เข้าไปด้วย และเมื่อเจ้าพนักงานศาลไปทำแผนที่ โจทก์จึงทราบว่าจำเลยที่ ๑ ได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ในอาเขตหมายเลข ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ รุกล้ำที่โจทก์ทางตะวันออกตรงหมายเลข ๒ โดยไปร้องคัดค้านการโอนของโจทก์ว่าติดที่ดินของจำเลยที่ ๒ เข้าไปด้วย ขอให้ห้ามจำเลยที่ ๑ ไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่ดินหมายเลข ๑ และให้ขุดถมที่ดินโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม ห้ามจำเลยที่ ๒ ไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่ดินหมายเลข ๒
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกแย่งสิทธิที่ดินโจทก์ ที่ดินหมายเลข ๑ เป็นที่ส่วนหนึ่งของโจทก์ที่ ๒ ที่ขายให้บุตรจำเลย จำเลยครอบครองมาเกือบ ๑๐ ปี ทำเล้าไก่และบ่อส้วมซึมในที่ของบุตรจำเลย และทำรั้วในที่ดินของจำเลยที่ ๒ โจทก์จะโอนที่ดินให้ผู้อื่น ได้รังวัดปักหลักล่วงล้ำที่ของบุตรจำเลยกับจำเลยที่ ๒ จำเลยทั้งสองจึงไปคัดค้าน ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ที่ของจำเลยเดิมเป็นสวนยางเพิ่งตัดโค่นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทมากว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์เพิ่งฟ้องจึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามจำเลยที่ ๑ เกี่ยวข้องกับที่พิพาทหมายเลข ๔ ตามแผนที่กลาง (คือที่จำเลยที่ ๑ ไปร้องคัดค้าน) และให้จำเลยขุดถมที่ของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม และห้ามจำเลยที่ ๒ เกี่ยวข้องกับที่พิพาทหมายเลข ๓ (คือที่จำเลยที่ ๒ ไปร้องคัดค้าน)
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทหมายเลข ๓ และ ๔ เป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๑ ปลูกตึกในที่ดินสาธารณะติดกับที่ดินหมายเลข ๔ ได้ทำบ่อส้วมซึมลงในที่ดินหมายเลข ๔ และทำคอกไก่บางส่วนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินหมายเลข ๔ แต่ทำขึ้นเมื่อราวต้นปี พ.ศ. ๒๕๐๐ โจทก์ฟ้องเมื่อเป็นเวลาเกิน ๑ ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงขาดสิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองเฉพาะที่ดินตรงที่ทำบ่อส้วมซึมและบางส่วนของคอกไก่เท่านั้น ที่ดินนอกจากนี้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ครอบครองแต่ประการใดเลย รั้วลวดหนามจำเลยที่ ๑ ก็รื้อไปก่อนเกิดพิพาทกัน จึงไม่มีการแย่งการครอบครองในส่วนนี้ จำเลยที่ ๑ จึงไม่มีสิทธิจะร้องคัดค้านการที่โจทก์รังวัดเพื่อโอน ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งหมดยังไม่ชอบ
สำหรับจำเลยที่ ๒ ได้ความว่าไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทหมายเลข ๓ เลย แม้จะฟังว่าครั้งหนึ่งเคยเข้ามาปลูกต้นยางไว้ แต่ก็ได้โค่นหมดไปหลายปีแล้ว จำเลยที่ ๒ ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีก เมื่อที่พิพาทหมายเลข ๓ เป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๒ เคยเข้ามาแย่งการครอบครองครั้งหนึ่งแล้วก็ออกไป การแย่งการครอบครองครั้งนั้นก็ยุติไปแล้ว สิทธิครอบครองคงอยู่กับโจทก์ จำเลยที่ ๒ ไม่มีสิทธิจะร้องคัดค้าน
พิพากษาแก้ว่า ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องขัดขวางในการที่โจทก์จะรังวัดที่พิพาทหมายเลข ๓ และ ๔ นอกจากที่ตรงบ่อส้วมซึมและบางส่วนของคอกไก่เท่านั้น

Share