คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าขำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่าลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ๑๕,๐๐๐ บาท ยอมให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนดชำระเงินต้นคืนภายในวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ตั้งแต่กู้ไปจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยเลย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริงแต่มีข้อตกลงเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายจำเลยผ่อนชำระแล้ว ๑๐,๐๐๐ บาท หนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยชำระเงินกู้บางส่วนให้โจทก์ โจทก์เรียกดอกเบี้ยไม่ได้เพราะมีข้อตกลงคิดดอกเบี้ยเกินอัตราและจำเลยได้สละเงื่อนเวลาเสียแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ว่าสัญญาจะได้ระบุเงื่อนเวลาในการที่จะเรียกร้องเงินกู้คืนเอาไว้ก็ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๔ วรรค ๒ ได้บัญญัติเรื่องเงื่อนเวลาไว้ว่า “อนึ่ง ประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้น ฝ่ายใดจะสละเสียก็ได้ แต่การสละนี้ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงประโยชน์อันคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะถึงได้รับแก่เงื่อนเวลานั้น” แสดงว่า ในเรื่องเงื่อนเวลานี้ คู่กรณีอาจสละเสียก็ได้
คดีนี้ จำเลยให้การว่า ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้แล้ว หนี้ตามสัญญากู้ระงับไปแล้วเป็นการแสดงว่าจำเลยปฏิเสธไม่ยอมชำระเงินกู้ให้ตามสัญญา เหตุนี้ เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่จำเลยจะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดตามเงื่อนเวลา
เมื่อจำเลยรับว่าได้กู้เงินของโจทก์ไปจริง การชำระหนี้ จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระให้แก่โจทก์หรือบุคคลผู้มีอำนาจรนับชำระหนี้แทนโจทก์ จำเลยอ้างว่าได้ชำระให้แก่น้องเขยโจทก์ก็ไม่ปรากฎว่าน้องเขยโจทก์มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์อย่างไร ทั้งน้องเขยโจทก์ก็เบิกความปฏิเสธว่ามิได้รับเงินจากจำเลย สัญญากู้อันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม โจทก์ก็ยังยึดถืออยู่ มิได้มีการแทงเพิกถอนในเอกสารนั้นแต่อย่างใด เห็นว่า พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share