คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้า ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยด้วย ตึกพิพาทก็มิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
คดีนี้ พิพาทกันก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ออกใช้ จึงต้องบังคับคดีตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.2489 แต่อย่างไรก็ดี เมื่อฟังว่าจำเลยใช้ตึกพิพาทเพื่อประกอบธุรกิจการค้า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยเช่าตึกพิพาทจากนายสว่างเพื่อใช้เป็นที่ประกอบการค้า อัตราค่าเช่าเดือนละ ๑๕๐ บาท ต่อมานายสว่างจำนองตึกพิพาทไว้กับโจทก์ โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง นายสว่างทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จะไถ่จำนอง ครั้นครบกำหนดไม่ไถ่ ได้โอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่จำนองให้โจทก์แล้ว จำเลยค้างชำระค่าเช่ารวม ๓ เดือน และสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับนายสว่างหมดอายุ โจทก์บอกเลิกสัญญา จำเลยไม่ยอมออกจากตึกพิพาทในกำหนด ขอให้พิพากษาขับไล่ ให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้าง ๔๕๐ บาท ค่าเสียหายเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท จนกว่าจำเลยจะออกจากตึกพิพาท
จำเลยให้การว่า ผู้ให้เช่าเดิมทำสัญญาให้จำเลยเช่าครั้งละ ๓ ปี รวม ๓ ฉบับ เวลานี้อยู่ในระยะการเช่าตามสัญญาฉบับที่ ๒ โจทก์แกล้งไม่เก็บค่าเช่า ค่าเสียหายอย่างมากไม่เกินอัตราค่าเช่าที่จำเลยเคยชำระ จำเลยเช่าตึกพิพาทใช้เป็นที่อยู่อาศัยพร้อมด้วยครอบครัว จึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย ให้จำเลยใช้ค่าเช่าที่ค้าง ๔๕๐ บาท และค่าเสียหายเดือนละ ๘๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๔ สัญญาเช่า ๓ ฉบับที่จำเลยทำกับผู้ให้เช่าเดิมไม่ได้จดทะเบียนนั้นสมบูรณ์เพียง ๓ ปี ข้อที่จำเลยแถลงการณ์ว่า คดีนี้จะต้องพิจารณาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ เพราะกฎหมายเก่าถูกยกเลิกไปแล้วนนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้น และมิได้ยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์โดยชัดแจ้ง จึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้า ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะใช้ตึกพิพาทอยู่อาศัยด้วย ตึกพิพาทก็มิใช่เคหะอันจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
และเห็นว่า คดีนี้ พิพาทกันก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ ออกใช้ จึงต้องบังคับคดีนี้ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน พ.ศ.๒๔๘๙ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อฟังว่าจำเลยใช้ตึกพิพาทเพื่อประกอบธุรกิจการค้าดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ เช่นเดียวกัน พิพากษายืน

Share