คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจท์ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน โจทก์จำเลยบางคนเป็นคู่ความรายเดียวกัน และที่พิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลชั้นต้นได้สั่งให้รวมพิพากษาคดีทั้งสองสำนวนไปด้วยกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกที่นาของโจทก์ ลักขุดดินในนา ใช้มีดตัดฟันต้นข้าวของโจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔,๓๕๘,๓๕๙,๓๖๒,๓๖๓,๓๖๕,๘๓,๙๐,๙๑ กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งรับประทับฟ้อง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ขุดบ่อเลี้ยงปลาในที่นาของจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้ขุดดิน ตัดต้นข้าวของโจทก์เสียหาย ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๖๕ ซึ่งเป็นบทหนัก สำนวนแรกจำคุกคนละ ๓ เดือน ปรับคนละ ๓๐๐ บาท โทษจำให้รอไว้ ๒ ปี สำนวนหลัง ปรับคนละ ๓๐๐ บาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองสำนวน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสำนวนแรกศาลชั้นต้นลงโทษหนักเกินไป พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๓๐๐ บาท โทษจำให้ยก สำนวนหลังปรับคนละ ๑๐๐ บาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาส่วนแพ่งที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่นั้น ปรากฏว่าสำนวนหลังมีทุนทรัพย์ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง จึงไม่วินิจฉัยให้ คงวินิจฉัยแต่สำนวนแรกเท่านั้น ฎีกาส่วนอาญาศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ คดีส่วนอาญาจึงยุติ ข้อที่จำเลยฎีกาว่าที่พิพาทเป็นของนายเข้มจำเลยนั้น ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในปัญหาที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้น ศาลล่างทั้งสองศาลได้ฟังข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลจำต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันกับที่ศาลล่างได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา และเมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันในส่วนอาญาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คดีในส่วนแพ่งก็ต้องฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ตามความในมาตรา ๔๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย ให้จำเลยสำนวนแรกเสียค่าทนายชั้นฎีกา ๑๐๐ บาท สำนวนหลังค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายเป็นพับ

Share