แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าเมื่อปรากฏว่าเส้นทางไม่เรียบร้อยเป็นหลุมเป็นบ่อ จำเลยได้เตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยแล้วโจทก์ไม่ทำให้เรียบร้อย เมื่อจำเลยมาแถลงต่อศาลและศาลได้ไปดูสภาพของทางไม่เรียบร้อยดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าโจทก์ขาดสิทธิในการที่ใช้ทางนั้นต่อไป ดังนี้ ข้อความที่ว่าจำเลยเตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยนั้น เป็นข้อสัญญาประการหนึ่งที่จะทำให้โจทก์สิ้นสิทธิในการใช้ทางพิพาท กล่าวคือ แม้จะได้ความว่าทางไม่เรียบร้อยเพราะโจทก์ผิดสัญญา หากจำเลยยังไม่เตือนโจทก์ทำให้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ก็ยังไม่สิ้นสิทธิที่จะใช้ทางพิพาท
คำว่า ค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น รวมถึงค่าทนายด้วย
ย่อยาว
เดิม โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เปิดทางในที่ดินจำเลย ในที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า “ฯลฯ จำเลยยอมให้โจทก์ใช้ทางเดินพิพาทซึ่งหมายสีแดงไว้นั้น โดยก่อนจะใช้ทางนี้ต่อไปให้โจทก์จัดการนำดินซึ่งไม่ใช่ดินในสวนจำเลยมาถมทาง ซึ่งในขณะนั้นเป็นหลุมเป็นบ่อให้เรียบร้อยเสียก่อน การถมให้เรียบร้อยคือให้สภาพของทางมีระดับเสมอกับพื้นดินข้างเคียงของทาง และเมื่อปรากฏว่าเส้นทางนี้ไม่เรียบร้อยเป็นหลุมเป็นบ่อ จำเลยได้เตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อย เมื่อจำเลยได้มาแถลงต่อศาลและศาลได้ไปดูสภาพของทางไม่เรียบร้อยดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าโจทก์ขาดสิทธิในการที่จะใช้ทางนั้นต่อไป ส่วนการวินิจฉัยว่าสภาพของทางไม่เรียบร้อย ควรให้โจทก์เลิกใช้สิทธิเดินในทางนี้นั้นขอให้ศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ ฯลฯ”
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า เนื่องจากสัญญายอมความ โจทก์ได้จ้างคนถมทางจนเป็นที่เรียบร้อย ประชาชนใช้สัญจรไปมาได้โดยสะดวก เมื่อประมาณ ๑ เดือนมานี้ จำเลยปิดกั้นทางรายนี้เสีย เป็นเหตุให้โจทก์และประชาชนเดินและใช้ยานพาหนะไปมาไม่ได้ ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาว่ากล่าวให้รื้อสิ่งกีดขวางเปิดทางให้โจทก์และประชาชนสัญจร
จำเลยยื่นคำแถลงว่า โจทก์จ้างคนถมจริง แต่ไม่เสร็จเรียบร้อยตามสัญญายอมความ จำเลยไม่เคยปิดกั้นทาง ขอให้ศาลไปตรวจดูสภาพของทางพิพาท
เมื่อศาลไปตรวจดูทางพิพาทและจดรายงาน ศาลชั้นต้นเชื่อว่าถนนพิพาทตั้งแต่เลยหน้าบ้าน จำเลยไปเล็กน้อยถึงปลายถนน โจทก์ถมดินระดับไม่เสมอสองข้างทางเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมข้อ ๒ โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะใช้ถนนนี้ต่อไป
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญายอมความหาใช่โจทก์ไม่ พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้จำเลยรื้อถอนหลักที่ปิดกั้นทางพิพาทเสีย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า “เมื่อปรากฏว่าเส้นทางนี้ไม่เรียบร้อยเป็นหลุมเป็นบ่อ จำเลยได้เตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยแล้วโจทก์ไม่ทำให้เรียบร้อย เมื่อจำเลยได้มาแถลงต่อศาลและศาลได้ไปดูสภาพของทางไม่เรียบร้อยดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่าโจทก์ขาดสิทธิในการที่จะใช้ทางนั้นต่อไป” ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความที่จำเลยเตือนให้โจทก์ทำให้เรียบร้อยนั้น เป็นข้อสัญญาประการหนึ่งที่จะทำให้โจทก์สิ้นสิทธิใช้ทางพิพาท กล่าวคือ แม้จะได้ความว่าทางไม่เรียบร้อยเพราะโจทก์ผิดสัญญา หากจำเลยยังไม่เตือนโจทก์ให้ทำให้เรียบร้อยแล้ว โจทก์ก็ยังไม่สิ้นสิทธิที่จะใช้ทางพิพาท ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ในชั้นอุทธรณ์ อุทธรณ์ของโจทก์ขอเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียม มิได้ขอค่าทนายด้วยนั้น เห็นว่า คำว่า ค่าฤชาธรรมเนียม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น รวมถึงค่าทนายด้วย
พิพากษายืน