แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถโดยสารคว่ำทำให้กระเป๋าเงินของผู้โดยสารคนหนึ่งกระเด็นไป ผู้โดยสารอีกคนหนึ่งหยิบเอาเสียในทันใดโดย เจ้าของไม่รู้ แต่เจ้าของได้รู้ว่ากระเป๋าหายและได้กำลังหาอยู่ดังนี้ ผู้เอาไปมีความผิดฐานลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกเก็บของตก ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเก็บของตกตามมาตรา 318 พิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ซึ่งมิใช่ข้อประสงค์ให้ลงโทษ จะลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าทรัพย์ทำกระเป๋าใส่ธนบัตร์ตกหาย จำเลยได้เก็บไปและยักยอกเอาเป็นประโยชน์ตนเสีย ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๑๘
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทำการลักทรัพย์มิใช่ทำการยักยอกดังโจทก์ฟ้อง จึงคงพิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าทรัพย์กับจำเลยโดยสารไปในรถคันเดียวกัน รถเกิดคว่ำขึ้นกลางทาง กระเป๋าใส่ธนบัตร์ของเจ้าทรัพย์ซึ่งเหน็บพุงอยู่ได้กระเด็นไปอยู่ข้างรถ ทันใดนั้นจำเลยได้เอาไปเสีย เจ้าทรัพย์รู้สึกว่ากระเป๋าหายเมื่อจำเลยเอาไปแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อรถคว่ำแล้วเจ้าทรัพย์คลำกระเป๋าที่พุงไม่พบจึงได้ไต่ถามคนในรถด้วยกันถึงกระเป๋านั้น แสดงว่ากระเป๋ายังหาขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ จำเลยรู้ว่าเป็นกระเป๋าของผู้โดยสารมาได้หยิบเอาไปก็โดยเจตนาจะลักเอาโดยแท้โจทก์หาได้ฟ้องฐานลักทรัพย์ไม่ ตามฟ้องและฎีกา ของโจทก์ ๆ ประสงค์ให้ลงโทษฐานยักยอกตามมาตรา ๓๑๘ ข้อเท็จจริงดังสืบมานี้จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญามาตรา ๑๙๒ วรรค ๓ จึงพิพากษายืน