คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล และชำระเงินต่อศาลครบถ้วนแล้ว ศาลได้แจ้งให้อำเภอจัดการทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้จำเลย โจทก์ไปคัดค้านและมาฟ้องคดีนี้ อ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยซื้อ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลไม่สุจริตหรือเป็นไปไม่ชอบอย่างไร และมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ จำเลยสู้ว่าได้ซื้อที่พิพาทไว้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยชอบ คดีโจทก์จึงไม่มีประเด็นที่จะสืบว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดดังกล่าวโดยสุจริตหรือไม่ ข้อต่อสู้ของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 สิทธิของจำเลยในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจึงยังคงมีอยู่ แม้โจทก์จะสืบพยานในประเด็นตามที่โจทก์ฟ้อง และฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 63-64/2506) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ใช้บังคับถึงการขายทอดตลาดทรัพย์สินทั่วไป และรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ห้ามโจทก์และพรรคพวกของโจทก์ไม่ให้เกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ และไปแจ้งความให้อำเภอห้ามปรามโจทก์มิให้ทำนาในที่ของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยได้ซื้อมา การกระทำของจำเลยเป็นการรบกวนแย่งกรรมสิทธิ์โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง แต่ในที่สุดถอนฟ้องแย้ง คงให้การว่าจำเลยเป็นผู้ประมูลซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล จำเลยได้ชำระราคาต่อศาลครบถ้วนและศาลได้มีหนังสือสั่งให้ทางอำเภอโอนให้จำเลยแล้ว จำเลยได้ครอบครองตลอดมา ต่อมาโจทก์นำพรรคพวกบุกรุกเข้าทำนาในที่พิพาท จำเลยร้องเรียนให้ทางอำเภอห้ามโจทก์ โจทก์ไม่ยอมเชื่อ กลับนำคดีมาฟ้อง จำเลยได้ซื้อที่นารายพิพาทจากการขายทอดตลาดต่อศาลโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย และโจทก์ฟ้องซ้ำ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยรับกันว่า ที่ดินพิพาทแปลงนี้จำเลยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล ศาลสั่งให้อำเภอโอนให้จำเลย แต่อำเภอยังมิได้โอนเพราะโจทก์ไปยื่นคำร้องคัดค้านไว้ ค่าเสียหายในการไม่ได้ทำนาคิดเป็นเงินปีละ ๘๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอชี้ขาดได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาว่าตามคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้อง โจทก์มิได้ขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดว่าเป็นไปโดยมิชอบมิควรหรือไม่ถูกต้องประการใดไม่ จำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต ถึงจะสืบพยานไปและฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ศาลก็บังคับจำเลยตามโจทก์ขอไม่ได้ เพราะสิทธิของจำเลยในฐานะผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลยังคงมีอยู่โดยสมบูรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ซื้อที่พิพาทไว้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต คดีจึงต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๐ ซึ่งบัญญัติว่า “สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล หรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้โดยคำพิพากษา หรือผู้ล้มละลาย” สิทธิของจำเลยในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจึงยังคงมีอยู่ ฉะนั้น ถึงแม้โจทก์จะสืบพยานในประเด็นตามที่โจทก์ฟ้อง และฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ดังคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๓-๖๔/๒๕๐๖ ที่โจทก์ว่ามาตรา ๑๓๓๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หมายถึงบุคคลซื้อทรัพย์สินทั่วไป ไม่ใช่การซื้อทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติให้มีพิธีการโอน เช่น อสังหาริมทรัพย์ นั้น เห็นว่า บทบัญญัติมาตรา ๑๓๓๐ ย่อมใช้บังคับถึงการขายทอดตลาดทรัพย์สินทั่วไปรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วย
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.

Share