แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแลหัวหน้าผู้บังคับบัญชา+จำเลยกระทรวงการคลังแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการประเภทลูกจ้าง หัวหน้าเป็นผู้ดูแลเก็บเงินค่าเช่าทรัพย์สินส่วนพระมาหากษัตริย์ ได้ใช้ให้จำเลยมีหน้าที่ไปเก็บเงินค่าเช่ามาส่งให้แก่หัวหน้า เมื่อจำเลยยังยอกเอาเงินนั้นไป จำเลยไม่มีผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 131 แต่มีผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 319(3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ตามกฎหมายอาญามาตรา 131 ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุก 2 ปีตามมาตรา 314 เรียกว่าแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ย่อยาว
จำเลยเป็นเสมียนอยู่ในบังคับบัญชาของนายจำซึ่งเป็นหัวหน้าและเป็นผู้ดูแลเก็บเงินค่าเช่าทรัพย์สินส่วนพระมาหากษัตริย์ ทั้งจำเลยแลนายจำกระทรวงการคลังแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการประเภทลูกจ้าง นายจำเป็นผู้ออกใบเสร็จให้จำเลย แล้วจำเลยเอาใบเสร็จนั้นไปเก็บเงินค่าเช่า เมื่อรับเงินค่าเช่าแล้วจำเลยเป็นผู้เซ็นนามลงในใบรับเงินและต้นขั้วทุกฉะบับ แล้วนำเงินกับต้นขั้วใบเสร็จส่งนายจำ ๆ เป็นผู้นำส่งเงินนั้นต่อไป จำเลยเก็บเงินได้มาแล้วยักยอกเอาเงินนั้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๑ ให้จำคุก ๔ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองรักษาทรัพย์ จำเลยเป็นเพียงเสมียนอยู่ในบังคับของนายจำผู้เป็นเจ้าพนักงานเก็บเงิน นายจำใช้ให้จำเลยไปเก็บแทนเท่านั้น ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บแทนเท่านั้น ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าไม่ได้ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๔ จำคุก ๒ ปี
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า (๑) คดีนี้เรียกได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้มาก ไม่ใช่แก้เล็กน้อยเพราะแก้บทและฐานความผิดทั้งกำหนดโทษจำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้.
(๒) เห็นว่าลงโทษจำเลยตาม ม.๑๓๑ ไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานปกครองรักษาเงินรายนี้ นายจำหัวหน้าผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยมีหน้าที่ไปเก็บเงินค่าเช่ามาส่งให้นายจำเท่านั้น ความผิดของจำเลยต้องด้วยกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๙ (๓)
จึงพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี ตามกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ (๓)