คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องระบุว่าจำเลยบังอาดไช้กำลังกายกอดปล้ำหยิงย่อมเปนการสแดงว่าหยิงไม่ยินยอมและสแดงว่าเปนการอนาจารแล้ว ไม่จำต้องไช้คำว่าอนาจารไว้ไนฟ้องด้วย

ย่อยาว

สาลชั้นต้นลงโทสตามมาตรา ๒๔๖ แต่สาลอุธรน์เห็นว่าฟ้องขาดองค์สำคันแห่งความผิดโดยไม่ได้กล่าวว่าเปนการอนาจาร ไห้ยกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาวินิฉัยว่าฟ้องโจทกล่าวว่าจำเลยแต่ผู้เดียวไปหาโจทที่บ้านเรือน แล้วจำเลยบังอาดไช้กำลังกายเข้ากอดปล้ำโจท โจทได้ร้องไห้ผู้มีชื่อช่วยเหลือ จำเลยจึงได้ละโจทหนีไป สาลดีกาเห็นว่าองค์เกนท์ของความผิดตามมาตรา ๒๔๖ คือ ๑. กะทำอนาจาร ๒. แก่บุคคลอายุเกิน ๑๒ ปี ๓. โดยไช้อำนาดด้วยกำลังกาย ฯลฯ ฟ้องของโจทมีข้อความว่าไช้กำลังกายและโจทมีอายุ ๒๑ ปี จึงประกอบด้วยองค์เกนท์ข้อ ๒ และ ๓ แล้ว สำหรับเกนท์ข้อ ๑ โจทกล่าวว่าจำเลยบังอาดไช้กำลังกายกอดปล้ำโจท ซึ่งสแดงไห้เห็นแล้วว่า โจทมิได้ยินยอม เพราะมิฉะนั้นก็ไม่เปนการบังอาดและการกอดปล้ำหยิงโดยหยิงไม่ยินยอมก็เปนคำอธิบายของคำว่าอนาจารตามความหมายของมาตรา ๒๔๖ แล้ว ไม่จำต้องไช้คำว่าอนาจาร จึงพิพากสาคำพิพากสาสาลอุธรน์ ไห้สาลอุธรน์ดำเนินคดีต่อไป

Share