คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อคู่ความฝ่ายไดรับจะนำสืบก่อน ฝ่ายนั้นก็ต้องนำสืบก่อนโดยไม่ต่องคำนึงถึงว่าตามรูปคดีฝ่ายไดจะมีหน้าที่นำสืบก่อน
เมื่อฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนไม่นำพยานมาสืบและคดียังไม่สามาถตัดสินได้ ก็ต้องไห้อีกฝ่ายหนึ่งนำพยานมาสืบไปฝ่ายเดียว
คู่ความไม่ได้ระบุพยานเสียก่อนและไม่นำพยานมาสืบไนวันนัด สาลก็สั่งงดสืบพยานฝ่ายนั้นได้
คู่ความไม่มีทนายและรับนำพยานมาสืบก่อนแล้วจะกลับคำพายหลังโดยอ้างว่าไม่รู้ข้อเสียเปรียบไม่ได้

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยรุดที่ไนโฉนดของโจทจำเลยต่อสู้ว่าโพ่นส้างมาและปกครองมากว่า 20 ปีแล้ว
ไนวันชี้สองสถาน จำเลยรับสืบพยานก่อนสาลจึงนัดสืบพยานจำเลย จำเลยมิได้ระบุพยานและไม่นำพยานมาสืบจำเลยขอเลื่อนโดยอ้างว่า เพิ่งหาทนายได้ไนวันนัดพิจารนา ฝ่ายโจทค้านว่าควนตั้งชุดพยานจำเลยและส่งสืบพยานโจทต่อไป สาลสั่งตามคำค้านของโจทแต่เมื่อก่อนสืบพยานโจท สาลเห็นว่า ฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนไม่นำสืบ ก็ย่อมไม่สามาถชนะคดี จึงงดสืบพยานโจทแล้ว พิพากสาขับไล่จำเลย
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่า ไม่มีอะไรเปนหลักถานว่าที่พิพาทหยู่ไนโฉนดของโจท หน้าที่นำสืบก่อนจึงตกแก่โจท การที่จำเลยรับสืบก่อนนั้นจำเลยไม่มีทนายไม่รู้ข้อได้เปรียบเสียเปรียบ เมื่อจำเลยขอไห้โจทสืบก่อน สาลก็อาดสั่งไหม่ได้ จึงพิพากสายกคำพิพากสาสาลชั้นต้นไห้โจทสืบก่อนแล้วจำเลยสืบแก้
โจทดีกา สาลดีกาวินิฉัยว่า สาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานถูกต้องตามมาตรา 183 และการนัดสืบพยานก็เปนไปตามมาตรา 184 เมื่อจำเลยรับหน้าที่สืบก่อน ก็ต้องปติบัติตามนั้น เมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่มีพยานสืบสาลไม่ไห้สืบชอบแล้ว แต่คดีนี้ยังพิพากสาไม่ได้ว่าที่เปนของ ดจท เพราะเหตุได จึงพิพากสาแก้สาลอุธรน์ ไห้สืบสาลชั้นต้นพยานโจทแล้วพิพากสาไหม่

Share