คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ยักยอกทรัพย์ในขณะมีสัญญาณภัยทางอากาศในขณะที่ใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน พ.ศ.2487 แต่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลสูงเป็นเวลาใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน พ.ศ.2488 ศาลสูงต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายฉะบับหลังซึ่งมีโทษเบากว่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ของบริษัทเรือไทย สาขาแม่กลองซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยในขณะที่มี่สัญญาณอันตรายทางอากาศ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๑๔ และ ๓๑๙ พ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน เมื่อมีภัยทางอากาศ พ.ศ. ๒๔๘๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ขณะที่มีภัยทางอากาศจริง พิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.๓๑๔ และ พ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชนเมื่อมีภัยทางอากาศ พ.ศ.๒๔๘๗ มาตรา ๓ จำคุกจำเลย ๑๕ ปี
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยเป็นลูกจ้างเจ้าทุกข์จริง แต่ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดในขณะมีภัยทางอากาศ คงพิพากษาลงโทษจำเลย ตาม ก.ม.อาญามาตรา ๓๑๙ ข้อ จำคุก ๙ เดือน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกระทำผิดในเวลามีสัญญาณภัยทางอากาศ ต้องรับโทษตามพ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชนเมื่อมีภัยทางอากาศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในระหว่างพิจารณา และมีโทษเบากว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะจำเลยกระทำผิด
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ในขณะมีสัญญาณภัยทางอากาศ จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน เมื่อมีภัยทางอากาศ ๒๔๘๘ มาตรา ๓ (๔) ให้จำคุก ๓ ปี

Share