แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของที่ดินปลูกห้องแถวลงบนที่ดินให้คนเช่าอยู่อาศัย ต่อมาเจ้าของที่ดินโอนขายเฉพาะห้องแถวให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อ คงเก็บค่าเช่าห้องจากผู้อยู่ต่อไป และเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน ดังนี้แม้เจ้าของที่ดินจะฟ้องผู้รับซื้อห้องแถวให้รื้อถอน ห้องแถวนั้นไปจากที่ดิน และศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดี ก็ตาม ผู้เช่าห้องแถวนั้นอยู่ดังกล่าว ก็ยังได้รับ ความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ต้องออกจากห้องเช่าไป./
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยผู้เช่าที่ดินส่งมอบที่ดินโฉนดที่ ๑๒๔๕ ให้แก่โจทก์ผู้ให้เช่า และให้จำเลยรื้อถอนสิ่ง ปลูกสร้างของจำเลย ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินที่เช่านั้นออกไป โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้บริวารของจำเลยออกจากห้องเช่า พวก ผู้ร้องมาร้องต่อศาลว่าไม่ใช่บริวารจำเลย ได้เป็นผู้เช่าห้องรายนี้อยู่เรื่อยมาตั้งแต่เป็นโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งให้ขับไล่ผู้ร้อง.
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์ฎีกา
คดีนี้ได้ความว่า เมื่อ ๑๕ ปีมาแล้วโจทก์ปลูกสร้างห้องแถวพิพาทขึ้นให้เช่า พวกผู้ร้องได้เช่าอยู่อาศัยเป็นรายห้องจาก โจทก์มาแต่เริ่มแรก ครั้นราว พ.ศ.๒๔๘๖ โจทก์ขายห้องแถวให้นางเผชิญ ต่อมาสักเดือนหนึ่งนางเผชิญโอนขายให้ จำเลย ๆ ได้เก็บค่าเช่าสืบต่อมา โดยเช่าที่ดินโจทก์ต่อไป การที่จำเลยเก็บค่าเช่าจากพวกลูกห้องตลอดมานี้ โจทก์ทราบ ดีเพราะอยู่ใกล้ผ่านไปมาเสมอ.
ศาลฎีกาเห็นว่า การเช่านี้ได้เช่าเพื่ออยู่อาศัยจึงเป็นเคหะ แม้ว่าเวลานี้ห้องแถวยังเป็นของโจทก์อยู่ดังเดิม โจทก์ก็ขับ ไล่ไม่ได้ ผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง เพราะฉะนั้นการที่โจทก์โอนขายห้องแถวเดิมของตน ไปให้คนอื่นเก็บค่าเช่าดุจเดิม สืบต่อมาเท่านั้น ผู้เช่าก็ชอบที่จะได้รับความคุ้มครองดุจเดิม.
ฯลฯ จึงพิพากษายืน