แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแทงผู้ตายที่บริเวณหน้าอกเหนือหัวใจจนทะลุใน ครั้นผู้ตายล้มลง จำเลยคร่อมจะแทงซ้ำอีก เช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
พลตำรวจลาหยุดราชการในระหว่างที่ลาหยุดนั้น ไปเที่ยวในงานมหรศพซึ่งอยู่ในเขตท้องที่ซึ่งตนประจำการอยู่ จ่าสิบตำรวจตรีคนหนึ่งซึ่งรักษาการอยู่ในงานนั้นได้ขอร้องให้ช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในงานนั้นด้วย จำเลยได้แสดงกิริยามึนเมาสุราในบริเวณงาน พลตำรวจนั้นได้ห้ามปรามและขอให้จำเลยกลับไปบ้าน จำเลยได้ใช้มีดแทงพลตำรวจผู้นั้นถึงบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 298.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงพลตำรวจเสงี่ยม บาดเจ็บสาหัส เนื่องจากพลตำรวจเสงี่ยมห้ามไม่ให้จำเลยประพฤติวุ่นวายอันเป็นการกระทำตามหน้าที่ นอกจากนี้จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้อื่นบาดเจ็บ ๓ คน และตาย ๑ คน โดยจำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๒๙๗,๒๙๘,๒๙๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษจำเลยในกระทงหนักคือฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๙๑ จำคุก ๒๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้มีดแทงนางเชยตรงบริเวณหน้าอกเหนือหัวใจจนทะลุใน ครั้นนางเชยล้มลงแล้วจำเลยคร่อมจะแทงซ้ำอีกเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่านางเชยให้ตาย
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อได้ความว่าพลตำรวจเสงี่ยมถูกจำเลยทำร้ายขณะที่ลาหยุดราชการ ไม่ควรถือว่าจำเลยทำร้ายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่นั้น ความข้อนี้ปรากฏว่าพลตำรวจเสงี่ยมเป็นตำรวจรับราชการประจำสถานีตำรวจภูธรท่าฉาง ท้องที่เกิดเหตุ ได้มาเที่ยวในงานระหว่างลาหยุดราชการ แล้วจ่าสิบตำรวจเนียมวานให้ช่วยรักษาความสงบในงานนั้นด้วย ครั้นเห็นจำเลยเมาสุรา พลตำรวจเสงี่ยมจึงพูดจาตักเตือน ย่อมถือได้ว่าการที่พลตำรวจเสงี่ยมถูกจำเลยแทงก็เพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ ห้ามปรามจำเลยไม่ให้แสดงกิริยาเมามายในที่ประชุมชน ที่ศาลล่างพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องชอบแล้ว พิพากษายืน.