คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเอารถพิพาทวิ่งรับจ้างหาประโยชน์เป็นการส่วนตัวหรือแต่ผู้เดียว ดังนี้ ถือว่าโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยเอารถออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์ในฐานะที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องร่วมรับผิดชอบในกำไรและขาดทุน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งผลกำไรหรือรายได้ที่จำเลยหาได้เป็นการส่วนตัว และรายได้นี้ไม่ถือเป็นดอกผลนิตินัย
รถพิพาทเป็นรถที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อไว้ให้เป็นรถของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับจำเลยหรือเป็นทำนองโจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของรถพิพาทร่วมกัน การใช้สิทธิใด ๆ ของจำเลยต่อรถ จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือใช้สิทธิที่ไม่ขัดต่อสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และ 1360 การที่จำเลยเอารถพิพาทออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์ทำให้รถเสื่อมคุณภาพสึกหรอ ทำให้โจทก์เสียหายนั้นเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และขัดต่อสิทธิของโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง โจทก์ก็จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า คดีของโจทก์มิได้ขาดอายุความ แต่โจทก์มิได้นำสืบดังกล่าว รูปคดีก็ต้องฟังว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความดังที่จำเลยต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนรถยนต์กับจำเลย ศาลได้พิพากษาให้เลิกหุ้นส่วนแล้ว โจทก์จึงขอแบ่งเงินจากการเข้าหุ้นส่วน และปรากฏว่าจำเลยได้นำเอารถยนต์ไปใช้แต่ผู้เดียวทำให้เสื่อมคุณภาพและสึกหรอ เจ้าพนักงานบังคับคดีขายรถได้ราคาต่ำขาดจากราคาหุ้นไป จำเลยต้องรับผิดชอบ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระให้แก่โจทก์เป็นเงินรวม ๒๕,๐๐๐ บาท
จำเลยสู้ว่า จำเลยมิได้ใช้รถ รถเสื่อมคุณภาพตั้งแต่ยังเป็นหุ้นส่วนกัน โจทก์ฟ้องขอให้เลิกหุ้นและเรียกคาเสียหายมากว่า ๑๐ ปีแล้ว มาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก เป็นฟ้องซ้ำ และขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิด แต่ขอแบ่งกำไรในระหว่างเป็นความกัน คดีไม่ขาดอายุความและไม่ฟ้องซ้ำ โจทก์ฟ้องขอแบ่งกำไรได้ ส่วนค่าเสื่อมคุณภาพและสึกหรอ โจทก์มิได้กล่าวอย่างไร เมื่อจำเลยไม่มาตามนัดของศาลที่โจทก์ขอเรียกมาเพื่อตกลงกันเรื่องรถ โจทก์ก็ต้องยอมขาดทุน ให้จำเลยใช้เงิน ๒,๒๘๗.๕๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยได้นำรถพิพาทออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์และเอารถพิพาทให้เช่า ให้แบ่งเงินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จำเลยไม่คัดค้าน คดีฝ่ายจำเลยจึงยุติ ที่โจทก์ฎีกาควรได้แบ่งผลกำไรมากกว่าที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาแบ่งให้นั้น เห็นว่าโจทก์มิได้ฟ้องว่าจำเลยเอารถออกวิ่งรับจ้างหาประโยชน์ในฐานะที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องร่วมรับผิดชอบในกำไรและขาดทุน โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งผลกำไรหรือรายได้ที่จำเลยหาได้เป็นการส่วนตัวและรายได้นี้ไม่ถือเป็นดอกผลนิตินัย ส่วนการที่จำเลยเอารถพิพาทออกวิ่งรับจ้างเป็นการส่วนตัวและเป็นเหตุให้รถพิพาทเสื่อมคุณภาพสึกหรอ โจทก์ควรได้ค่าเสียหายหรือไม่นั้น เห็นว่า รถพิพาทเป็นรถที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อไว้ให้เป็นรถของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับจำเลย หรือเป็นทำนองโจทก์กับจำเลยเป็นเจ้าของรถพิพาทร่วมกัน การใช้สิทธิใด ๆ ของจำเลยต่อรถ จะต้องไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ หรือใช้สิทธิที่ไม่ขัดต่อสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๑ และ ๑๓๖๐การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์และขัดต่อสิทธิของโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ แต่จำเลยให้การต่อสู้ไว้ว่า โจทก์หาว่าจำเลยทำละเมิด โจทก์รู้แล้วแต่มิได้ฟ้องภายใน ๑ ปี คดีขาดอายุความ โจทก์จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าคดีของโจทก์มิได้ขาดอายุความ แต่โจทก์มิได้นำสืบดังกล่าวรูปคดีก็ต้องฟังว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความดังที่จำเลยต่อสู้
พิพากษายืน.

Share