คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาฐานลักทรัพย์มา 3 ครั้ง แต่เวลานั้นจำเลยมีอายุน้อย ศาลเรียกประกันทัณฑ์บล บ้าง ต้องขังมาพอแก่โทษบ้าง ส่งโรงเรียนดัดสันดานบ้าง ต่อมาจำเลยมากระทำผิดฐานลักทรัพย์ต้องจำคุก 4 เดือน ครั้ง 1 และต้องโทษฐานรับของโจรจำคุก 2 เดือน อีกครั้งหนึ่ง และในครั้งหลังจำเลยมากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีก ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ต้องเพิ่มโทษกักกันตามมาตรา 9 แห่งพระ ราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย 2479../

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓, ๒๙๘, ๒๙๙, ๗๒ และ ลงโทษกักกันจำเลย ฯลฯ
ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๙ จำคุก ๓ ปี เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นโทษจำคุก ๔ ปี ลดตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี ฯลฯ ส่วนโทษกักกันให้ยก
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า เมื่อจำเลยพ้นโทษฐานชิงทรัพย์นี้แล้ว ให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำนหด ๓ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานลักทรัพย์มีกำหนด ๔ เดือนครั้ง ๑ และต้องคำพิพากษาให้จำคุก ฐานรับของโจรมีกำหนด ๒ เดือน อีกครั้งหนึ่ง รวมเป็น ๒ ครั้ง ซึ่งไม่ใช่ความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ ความผิดฐาน ชิงทรัพย์ที่จำเลยกระทำครั้งนี้ตามมาตรา ๔ แก่ง พ.ร.บ.กักกัน ก็บัญญัติว่าเป็นเหตุร้าย และจำเลยยังเคยต้องคำพิพาก ษาอีก ๓ คดี ล้วนแต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ทั้งสิ้น หากเวลานั้นจำเลยมีอายุน้อยศาลเรียกประกันทัณฑ์บนบ้าง ส่งโรงเรียนดัดสันดานบ้าง แล้วจำเลยยังมากระทำผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจร จนต้องจำคุกดังกล่าว ย่อมเป็นการ แสดงชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ต้องเพิ่มโทษกักกันตามที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมา
จึงพิพากษายืน.

Share