แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ตกลงกันในเรื่องชำระบัญชี ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งย่อมฟ้องขอให้ศาลตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีได้.
แม้หุ้นส่วนเลิกกันมานานแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุขัดขวางที่จะร้องขอให้มีการชำระบัญชี
การฟ้องขอชำระบัญชีหุ้นส่วน แม้จะเพื่อฟ้องคดีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นหนี้ที่ปรากฎจากการชำระบัญชี ก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริต.
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินเพื่อขาย เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าลงหุ้นที่ยังไม่นำมาลง ในคดีนั้นจำเลยต่อสู้ด้วยว่าหุ้นส่วนเลิกกันแล้วและศาลพิพากษาคดีนั้นว่า หุ้นส่วนเลิกกันแล้ว โจทก์ฟ้องไม่ได้ให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชี
จำเลยต่อสู้ว่าการที่ โจทก์มาฟ้องคดีใหม่เพื่อหาลู่ทางฟ้องจำเลยต่อไป เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตและไม่มีเหตุจะต้องตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชี
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาทั้งผู้ชำระบัญชี
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินในข้อกฎหมายว่าข้อที่จำเลยฎีกาว่าไม่จำต้องมีการชำระบัญชีเพราะไม่มีการงานยุ่งยากนั้น ไม่ใช่เป็นประเด็นตั้งไว้แต่แรก ข้อที่ว่าการชำระบัญชีตาม ม.๑๐๖๑ หมายถึงการชำระบัญชีในทันทีทันใด ก็ไม่มีข้อความเช่นนั้นในตัวบทข้อที่ว่าโจทก์นัดฝ่ายจำเลยให้ส่งผู้แทนไปเจรจากันก่อนฟ้องเป็นการชำระบัญชีแล้วนั้น จำเลยก็มิได้กล่าวไว้ในคำให้การ เป็นแต่กล่าวในคำให้การว่าโจทก์เกี่ยงจะให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ข้างเดียวโดยไม่มีเหตุผล ผู้แทนจำเลยไม่ยอม เพียงเท่านี้จะถือว่าเป็นการชำระบัญชีอย่างไร ศาลล่างตั้งผู้ชำระบัญชีชอบแล้ว ฎีกาข้อท้ายของจำเลย โจทก์ต้องการผลของคดีนี้เป็นเครื่องมือฟ้องอีกคดีหนึ่ง เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต ศาลฎีกาเห็นว่าการชำระบัญชีนั้นเพื่อให้รู้ว่าหุ้นส่วนนั้นมีฐานะอย่างไร และผู้เป็นหุ้นส่วนมีฐานะอย่างไร ไม่ใช่ว่าการชำระบัญชีก่อให้เกิดสิทธิพิเศษ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง