คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานเป็นผู้ส่งหมายเรียกให้แก่พยานและจะต้องปฏิบัติที่อย่างเข้มงวดกวดขันไม่ปล่อยตามยถากรรม ฉะนั้น เมื่อนัดแรกพยานไม่มาศาลเลยและโจทก์แถลงว่าไม่ทราบเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้เลื่อนโดยกำชับว่า ถ้านัดต่อไปไม่มาโดยไม่มีเหตุสมควรอาจตัดพยาน ครั้นถึงวันนัดพยานมาศาลคนเดียว ส่วนที่ไม่มาโจทก์ว่าไม่ทราบยังไม่ได้รับรายงาน ดังนี้ ศาลตัดพยานโจทก์ชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบทำร้ายร่างกายและฆ่าคนตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗,๒๘๘,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ที่ไม่มาศาล ไม่อนุญาตให้เลื่อนไปเพื่อสืบพยานที่ไม่มา คงให้สืบพยานที่มาศาลเพียงปากเดียวนั้นเท่านั้น แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้อนุญาตให้นำพยานมาสืบต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน อ้างว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ส่งหมาย
โจทก์ฎีกาว่า ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ผู้ส่งหมายแล้ว มีเหตุควรให้เลื่อนไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๙ วรรค ๒ อ้างฎีกาที่ ๑๓๖๘/๒๔๙๒ และที่ ๑๔๐๕/๒๕๐๐
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กฎหมายกำหนดให้คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานเป็นผู้ส่งหมายเรียกให้แก่พยาน นัดแรกไม่มีพยานโจทก์มาศาลเลย โดยไม่ทราบเหตุขัดข้องหมายเรียกพยานส่งได้หรือยัง และว่าพนักงานสอบสวนยังไม่รายงาน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนโดยกำชัดว่าถ้านัดหน้าพยานไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุสมควรศาลอาจสั่งตัดพยาน และศาลก็ได้เลื่อนให้ถึง ๑๘ วัน มีเวลาให้โจทก์จัดการเรื่องส่งหมายเพียงพอ ครั้นถึงวันนัดครั้งที่ ๒ พยานโจทก์มาเพียงผู้สอบสวนคนเดียว โจทก์ไม่ทราบว่าผู้ที่ไม่มานั้นส่งหมายได้หรือไม่ ยังไม่ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน อนึ่ง ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ก็ปรากฎว่ากำนันตำบลสายออไม่ได้ส่งหมายเรียกให้พยานเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นตัดพยานโจทก์ ชอบแล้ว ฎีกาที่โจทก์อ้างไม่ตรงกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องนั้นพยานเซ็นทราบวันนัดแล้วไม่มา ศาลอาจออกหมายจับได้แต่ไม่ออก ซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์
พิพากษายืน

Share