คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้รับอนุญาตให้ตั้งโรงรับจำนำจะถือเอาประโยชน์จากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2480 ได้ ก็ต่อเมื่อเป็นการรับจำนำทรัพย์ไว้ในราคารายละไม่เกินสี่ร้อยบาท หากรับจำนำไว้เกินสี่ร้อย ก็เป็นเรื่องที่ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในกรณีที่ผู้รับจำนำซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ รับจำนำทรัพย์ไว้โดยสุจริตจากบุคคลที่เช่าซื้อทรัพย์มานั้น ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และทำการโดยสุจริตมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางวิไลเช่าซื้อจักรเย็บผ้าของโจทก์ แล้วทุจริตเอาไปจำนำไว้กับจำเลย ณ โรงรับจำนำฮะสูนเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท โดยจำเลยรับจำนำไว้ด้วยความประมาทไม่สอบสวนได้รู้ความอันควรจะรู้ว่าจักรนั้นนางวิไลได้มาโดยการกระทำผิด และไม่มีหลักฐานอันสมควรจะแสดงกรรมสิทธิ์ได้ ได้ขอให้จำเลยคืนจักรจำเลยไม่คืน จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า จำเลยมีอาชีพและได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงรับจำนำ ได้รับจำนำจักรไว้เป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท ด้วยความระมัดระวังปราศจากความประมาท และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำกับระเบียบข้อบังคบของเจ้าพนักงานแล้วจักรนี้ไม่มีรูปพรรณตรงกับรูปพรรณของหายจำเลยไม่รู้และไม่มีเหตุที่จะรู้ได้ว่าจักรนี้ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๒๕ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืน นอกจากจะชำระค่าไถ่และดอกเบี้ยแก่จำเลย
ก่อนสืบพยานจำเลยรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จักรรายพิพาทและมีผู้เช่าซื้อจักรรายนี้มาจากโจทก์ โดยผู้เช่าซื้อยังชำระราคาไม่ครบ จักรยังไม่ตกเป็นของผู้เช่าซื้อซึ่งข้อเท็จจริงที่จำเลยรับนี้จำเลยไม่รู้มาก่อนหรือในขณะรับจำนำ
ศาลแพ่งเห็นว่า กรรมสิทธ์ในจักร์ยังคงเป็นของโจทก์ พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๒๕ จะคุ้มครองเฉพาะการรับจำนำซึ่งจำนวนเงินไม่เกิน ๔๐๐ บาทเท่านั้นจักรรายนี้จำเลยรับจำนำไว้เป็นเราคา ๓,๐๐๐ บาท จึงไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ นางวิไลไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์มีสิทธิเรียกจักรคืนจากนางวิไลได้ จำเลยผู้รับโอนจากนางวิไลไม่มีสิทธิดีกว่านางวิไลผู้โอน จำเลยจึงต้องคืนจักรแก่โจทก์-ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ พิพากษาให้จำเลยคืนจักรให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็ฯว่า จำเลยรับจำนำจักรไว้ด้วยความสุจริง และไม่ประมาทจำเลยชอบที่จะยึดของจำนำไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระค่าไถ่ ฉะนั้นโจทก์จะเอาจักรคืนก็ต้องชำระค่าไถ่ให้จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๕๗,๗๕๘ พิพากษาแก้ ให้จำเลยคืนจักรแก่โจทก์ตามขอ โดยให้โจทก์ชำระค่าไถ่แก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของจักรดังกล่าวในฟ้อง เมื่อ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๐๒ นางวิไลได้ทำสัญญาเช่าซื้อและรับมอบจักรเย็บผ้ารายนี้ของโจทก์ไป ครั้งรุ่งขึ้นวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๐๒ นางวิไลได้เอาจักรเย็บผ้ารายนี้ไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำของจำเลย ขณะจะรับจำนำนายกิมกุยผู้จัดการโรงรับจำนำได้ให้เสมียนตรวจดูบัญชีรูปพรรณของหายและกรณีแวดล้อมต่าง ๆ ทำให้ผู้มีหน้าที่ในโรงรับจำนำของจำเลยและจำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า จักรรายนี้เป็นของนางวิไลคดีฟังได้ว่าจำเลยรับจำนำจักรไว้โดยสุจริต ฝ่ายโจทก์ก็ใช้สิทธิติดตามทรัพย์ของตนโดยสุจริตเช่นเดียวกัน
การรับจำนำจจักรรายนี้กระทำเมื่อ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๐๒ แม้บัดนี้จำมีพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. ๒๕๐๕ ประกาศใช้แล้วก็ตาม ก็ต้องนำพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.๒๔๘๐ ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นมาใช้บังคับ ตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๖ บัญญัติว่า “บุคคลใดรับจำนำทรัพย์สิ่งของเป็นประกันเงินกู้ซึ่งมีจำนวนไม่เกินสี่ร้อยบาทก็ดี รับหรือซื้อทรัพย์สิ่งของโดยใช้หรือทดลองเงินให้สำหรับสิ่งของนั้นเป็นจำนวนเงิน ไม่เกินสี่ร้อยบาทก็ดี โดยมีข้อตกลงหรือเข้าใจกันโดยตรง หรือโดยปริยายตามพฤติการณ์ว่าทรัพย์สิ่งของนั้น ๆ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนจะได้ไถ่คืนภายหลังถ้าได้ทำการที่ว่านี้เป็นปกติธุระ ก็ให้ถือว่าบุคคลนั้นตั้งโรงรับจำนำตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้” จึงเห็นได้ว่าพระราชบัญญัตินี้มุ่งประสงค์ให้ผู้รับอนุญาตตั้งโรงรับจำนำแล้ว จะถือเอาประโยชน์ตามพระราชบัญญตินี้ได้ ตต้องเป็นการรับจำนำทรัพย์ไว้ในราคารายละไม่เกินสี่ร้อยบาท ถ้ารับจำนำไว้ในราคาเกินสี่ร้อยบาท ก็ไม่เข้าอยู่ในลักษณะจำนำตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำและไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำด้วย เรื่องนี้ รับจำนำจักรไว้เกินสี่ร้อยบาทจึงไม่ได้รับความคุ้มครอง เป็ฯเรื่องที่ต้องบังคับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อเช่นนี้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในจักรรายนี้ และเป็นผู้กระทำการโดยสุจริตก็มีสิทธิที่จะติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๓๖ และจำเลยจะอ้างสิทธิไม่คืนทรัพย์ที่จำนำให้แก่เจ้าของโดยจะให้เจ้าของเสียค่าไถ่และดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.๒๔๘๐ มาตรา ๒๕ หาได้ไม่ เพราะจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำเสียแล้ว อนึ่งตามพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฎในท้องสำนวนจะถือว่าโจทก์แสดงออกหรือเชิดให้จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ก็ไม่ได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share