คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อ้างสัญญากู้และเสียค่าอ้างสำหรับสัญญากู้ไว้แล้วโดยชอบ จำเลยขอให้ศาลส่งสัญญากู้ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์และขออ้างรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นด้วย ทั้งจำเลยได้ยอมชำระค่าธรรมเนียมการตรวจพิสูจน์โดยครบถ้วน ถึง 2,000 บาท รายงานผลการตรวจพิสูจน์จึงเป็นเอกสารอันแท้จริง ในสำนวนเมื่อรายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้นเป็นพิรุธแก่จำเลย และขัดแย้งกับคำพยานบุคคลของจำเลยจำเลยจึงไม่ยอมเสียค่ารายงานผลการตรวจพิสูจน์นั้น โดยจำเลยเห็นว่า ศาลจะได้ไม่รับฟังรายงานผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ถึงกระนั้นก็ตาม เมื่อรายงานผลการพิสูจน์นี้ปรากฏต่อศาล ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 86 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ รวม 55,000 บาท กับดอกเบี้ย ตั้งแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จ
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์หลอกลวงให้จำเลยพิมพ์ลายนิ้วมือ ในสัญญากู้
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย 55,000 บาท แก่โจทก์กับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 50,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ในเรื่องที่จำเลยขออ้างสัญญากู้เงินรายพิพาทขอให้ส่งไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์และขออ้างรายงานผลการตรวจพิสูจน์ด้วยนั้น จำเลยฎีกาคัดค้านมาว่า ศาลไม่ควรจะรับฟังเพราะจำเลยไม่ยอมเสียค่าอ้าง คือจำเลยไม่ติดใจอ้าง จึงใช้เป็นพยานมิได้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะไม่ยอมเสียค่าอ้างก็จริง สำหรับสัญญากู้เงินนั้น ฝ่ายโจทก์ได้ส่งอ้างเป็นพยานชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนรายงานการตรวจพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญ จำเลยขออ้างไว้และชำระเงินค่าธรรมเนียมการตรวจโดยครบถ้วนถึง 2,000 บาท จึงเป็นที่เห็นได้ว่า เป็นเอกสารอันแท้จริงในสำนวน ซึ่งเป็นพิรุธแก่จำเลย ขัดแย้งกับคำพยานบุคคลของจำเลย และกลับสนับสนุนหลักฐานพยานโจทก์ เมื่อรายงานนี้ปรากฏต่อศาล ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตามนัย ป.วิ.พ. มาตรา 86 วรรคท้าย

Share