คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำขอให้พิจารณาใหม่นั้น นอกจากต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งเหตุที่ได้ขาดนัดแล้ว ยังต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลด้วย ทั้งนี้ เพื่อแสดงว่า ตนอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง หากไม่มีทางชนะคดีแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาพิพากษาใหม่

ย่อยาว

คดีนี้ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลจึงสั่งสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลแพ่งสั่งว่า คำร้องไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดมาด้วย ไม่สมบูรณ์ตามนัยแห่งมาตรา ๒๐๘ วิธีพิจารณาความแพ่ง จึงไม่รับไว้พิจารณา ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องของจำเลยกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่จำเลยขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามความในมาตรา ๒๐๘ แล้ว พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วสั่งใหม่ตามรูปความ
โจทก์ฎีกาขอให้ยกคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกล่าวในคำร้องว่า บริษัทจำเลยถูกธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจำกัด ฟ้องขับไล่ในคดีแพ่งแดงที่ ๑๙๐๕/๒๕๐๑ ได้ย้ายออกไปจากที่ตั้งเดิมแล้ว โจทก์ส่งหมายเรียก หมายนัด ยังที่ตั้งเดิม จึงไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย เป็นเหตุให้จำเลยไม่ทราบการดำเนินคดีมาแต่ต้น และไม่มีโอกาสต่อสู้คดี ถ้าจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแล้ว จำเลยอาจไม่ต้องรับผิดตามฟ้องและมีทางบรรเทาผลร้ายแก่จำเลยหลายประการ จึงขอให้มีการพิจารณาใหม่เพื่อจำเลยจะได้ต่อสู้คดีตามสิทธิและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม คำร้องของจำเลยกล่าวถึงเหตุแห่งการขาดนัดของจำเลยไว้ชัดแจ้งแล้วว่า เหตุใดจำเลยจึงขาดนัด แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรค ๒ บัญญัติให้ผู้ยื่นคำขอ กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลด้วย ทั้งนี้ เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง ถ้าหากไม่มีเหตุที่จะชนะคดีได้แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะต้องเสียเวลาของศาล และคู่ความที่จะดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ ซึ่งถ้าหากกฎหมายต้องการให้มีการร้องขอพิจารณาใหม่ได้โดยเหตุที่ผู้ขาดนัดพิจารณมีเหตุอันสมควรเป็นข้อแก้ตัวอย่างเดียวแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องบัญญัติให้ผู้นั้นกล่าวในคำขอถึงข้อคัดค้านคำสั่งตัดสินชี้ขาดของศาลด้วย และคำว่าข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลในที่นี้ ย่อมหมายถึงข้อที่แสดงว่าตนมีทางชนะคดีในเมื่อมีการพิจารณาใหม่ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาให้ตนเป็นฝ่ายชนะทั้งหมดหรือบางส่วนต่างไปจากที่ศาลพิพากษาไปแล้ว คำร้องของจำเลยจึงไม่ได้แสดงให้รู้ได้เลยว่าจำเลยจะมีเหตุอย่างไรที่ศาลจะพิพากษาให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดีได้ในเมื่อมีการพิจารณาใหม่ คำร้องของจำเลยไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา ๒๐๘ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share