คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ จะถือเอาการแจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พงศ. 2497 มาตรา 5 เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าผู้แจ้งการครอบครองเป็นผู้มีสิทธิในที่นั้นเสมอไปหาได้ไม่ เพราะมาตรานี้ประสงค์เพียงว่าถ้าผู้ครอบครองไม่แจ้งการครอบครองรัฐมีอำนาจจะจัดที่ดินนั้นตามประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางจิ๊ด นายมังยกที่รายพิพาทให้โจทก์ๆ ครอบครองทำกินมานานกว่า ๑๐ แล้ว ต่อมานางหมาได้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้จำเลย ขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมนั้นเป็นโมฆะ ให้จำเลยถอนคำขอรับมรดกที่พิพาท และห้ามจำเลยเกี่ยวข้อที่พิพาท
จำเลยให้การว่านายน้อย นางจิ๊ด ยกที่พิพาทให้นางหมาๆ ได้ครอบครองมาเกิน ๑๐ ปี แล้วได้ทำพินัยกรรมยกให้จำเลย และโจทก์มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ซึ่งตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๕ ถือว่าโจทก์เจตนาสละสิทธิครอบครอง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทและมอบให้นางหมาไปแจ้งการครอบครองแทน ที่พิพาทเป็นของโจทก็ พิพากษาว่า พินัยกรรมของนางหมดไม่มีผลตามกฎหมาย ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่านางหมามีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ เมื่อนางหมาทำพินัยกรรมยกให้จำเลยๆ ย่อมได้สิทธิ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางหมานั้นที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ จะถือเอาการแจ้งการครอบครองต่อนายอำเภอท้องที่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าผู้แจ้งการครอบครองเป็นผู้มีสิทธิในที่นั้นเสมอไปหาได้ไม่ เพราะความประสงค์ของกฎหมายมาตรานี้มีเพียงว่า ถ้าผู้ครอบครองไม่แจ้งการครอบครอง รัฐมีอำนาจจะจัดที่ดินนั้นตามประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้น และในวรรคท้ายก็บัญญัติว่า การแจ้งการครอบครองตามความในมาตรานี้ไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่แก่ผู้แจ้งแต่ประการใด ฉะนั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากคำพยานทั้งสองฝ่าย และข้อเท็จจริงฟังได้ว่านาพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองมา นางหมาไม่มีสิทธิจะทำพินัยกรรมยกให้แก่จำเลย พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share