คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ที่โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งจำเลยปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าจำเลยผู้แพ้คดียังคงอยู่ที่บ้าน และปลูกบ้านใหม่ในที่พิพาทนั้น เมื่อจำเลยโต้แย้งศาลชอบที่จะพิจารณาและตัดสินตามกระบวนพิจารณา
เอกสารและถ้อยคำที่มิใช่พยานหลักฐานตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับรอง นั้น ย่อมฟังเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโฉนดที่ ๙๒๗ จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้ง ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า ที่ดินและบ้านเรือนเป็นของโจทก์
เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยออกไปจากที่พิพาท เมื่อครบกำหนดคำบังคับแล้วโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยยังคงอยู่ที่บ้านพิพาทและปลูกบ้านใหม่อีก ๑ หลัง ในเขตโฉนดที่ดิน เลขที่ ๙๒๗ ของโจทก์
ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้วมีคำสั่งให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินโจทก์ภายใน ๑๕ วัน หากไม่ปฏิบัติตาม ให้จับกุมจำเลยมาขังไว้จนกว่าจะออกไปจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยปฏิบัติคำบังคับโดยอ้างว่า จำเลยทั้งสองยังคงอยู่ที่บ้านพิพาทและว่า จำเลยทั้งสองปลูกบ้านใหม่และขุดบ่อในที่พิพาท เมื่อจำเลยโต้แย้งคำร้องของโจทก์ ศาลชอบที่จะพิจารณาและตัดสินประเด็นดังกล่าวไปตามกระบวนพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์อ้างว่า พยานจำเลยมิได้กล่าวถึงว่ามีที่ดินที่จำเลยครอบครองอยู่นอกโฉนด นั้น เห็นว่าฟังไม่ขึ้น เพราะในชั้นพิจารณายังมิได้มีประเด็นที่โจทก์ร้องนี้เกิดขึ้น ส่วนที่อ้างถึงแผนที่พิพาทซึ่งนายบุญเสริมเป็นผู้ทำและอ้างถ้อยคำนายบุญเสริมซึ่งแถลงต่อศาล นั้น ก็เห็นว่ายังฟังเป็นเด็ดขาดไม่ได้ เพราะจำเลยยังคัดค้านอยู่ว่าแผนที่ไม่ถูกต้อง และจำเลยมิได้รับรองถ้อยคำที่นายบุญเสริมแถลงนั้นว่าเป็นความจริง
พิพากษายก ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนและสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share