คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีไบเหยียบย่ำที่ออกทับที่ซึ่งผู้อื่นได้ครอบครองที่นั้นหยู่ก่อน ไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ครอบครอง

ย่อยาว

โจทฟ้องว่า นางลม้ายเปนเจ้าของที่ดินตามแผนที่ท้ายฟ้องและได้ครอบครองมาโดยชอบด้วยกดหมาย โจทขะขายที่แปลงิ้นแต่จำเลยคัดค้านแย่งกัมสิทธิเปนเหตุไห้นางลม้ายขายที่ไม่ได้ ขอไห้สาลชี้กัมสิทธิ และขอไห้ขับไล่จำเลยกับริวานออกจากที่พิพาทและไห้ไช้ค่าเสียหาย
ได้ความว่า เมื่อ พ.ส.๒๔๗๑ ได้มีพระราชกริสดีกา หวงห้ามที่ดินทุ่งเสม็ดเอน ตำบนคลองกะบือ อำเพอปากพนังจังหวัดนครสรีธัมราช ไช้ไนราชการทหารรวมทั้งที่ของนางลม้ายด้วย นางลม้ายและราสดรเจ้าของที่ดินยกที่ดินไห้ไช้ไนราชการทหานโดยไม่คิดราคา ทางการจึงจัดหาที่ดินไห้เปนการตอบแทนได้มีพระราชกริสดีกาถอนสภาพที่หวงห้ามทุ่งเสม็ดเอนเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๔๘๔ เนื้อที่ ๔๕๐ ไร่ กรมการอำเพอจัดการรังวัดที่ดินและออกไบเหยียบย่ำไห้แก่นางลม้ายเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๕ เนื้อที่ ๔๐ ไร่ ที่วิวาทหยู่พายไนเขตไบเหยียบย่ำนี้ ฉเพาะที่พิพาทซึ่งมีเนื้อที่ประมาน ๖ ไร่นี้ จำเลยครอบครองปลูกต้นจากทำตานจาก เย็บจากเปนอาชีพ ตลอดมาประมาน ๒๙-๓๐ ปี โดยไม่ซาบว่าเปนที่สงวนเมื่อทางราชการประกาสหวงห้ามทุ่งเสม็ดเอน จำเลยก็ยังครอบครองหยู่ไนที่รายนี้โดยได้ครอบครองมาก่อนนั้นแล้ว จำเลยมิได้ร้องคัดค้านเจ้าพนักงานก็ไม่ได้บังคับขับไล่ จำเลยครอบครองต่อมาจนรัถบาลประกาสถอนการหวงห้าม และออกไบเหยียบย่ำไห้แก่โจทและราสดร
สาลชั้นต้นพิพากสาว่าที่พิพาทเปนกัมสิทธิของโจร ไห้ขับไล่จำเลย
สาลอุธรน์พิพากสายกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาเห็ฯว่า จำเลยได้ครอบครองที่วิวาทหยู่เก่าก่อนโจทผู้ได้รับไบเหยียบย่ำทับที่ของจำเลย หามีสิทธิดีกว่าจำเลยไม่ เพราะจะไช้ไบเหยียบย่ำยันแก่ผู้ที่ครอบครองหยู่ก่อนไม่ได้ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share