แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจทำการจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันที่บ้านผู้มีชื่อนั้น ตำรวจเห็นจำเลยยืนอยู่คนเดียวที่ชานเรือนซึ่งอยู่ห่างจากวงเล่นประมาณ 5 วา นั้น เพียงเท่านี้จะฟังว่าจำเลยอยู่ในวงการเล่นด้วยยังไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจสมคบกับผู้อื่น จัดให้มีการเล่นและเล่นการพนันป๊อก ๒๑ เอาทรัพย์สินกันโดยนายยองเป็นเจ้าสำนักและเป็นเจ้ามือ จำเลยร่วมเล่นด้วย โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๑๒, ๑๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๘๕ มาตรา ๔ และ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๓ ปรับจำเลย ๓๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาที่ว่าจำเลยอยู่ใน “วงการเล่น” หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่าขณะเข้าทำการจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันที่บ้านนางยองเจ้าพนักงานเห็นจำเลยยืนอยู่คนเดียวที่ชานเรือนนางยอง ห่างวงเล่นประมาณ ๕ วา และจับจำเลยได้ ณ ที่จำเลยยืนอยู่นี้ ศาลฎีกาเห็นว่าเพียงเท่านี้จะฟังว่าจำเลยอยู่ใน “วงการเล่น” ยังมิได้ แม้จำเลยอยู่ในบริเวณอาคารหลังเดียวใกล้เคียงกันกับที่มีการเล่นการพนันก็ตาม เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้อยู่ในวงหรือกลุ่มคนที่กำลังเล่นการพนันกัน ก็จะถือว่าจำเลยอยู่ใน “วงการเล่น” ดังที่โจทก์ฎีกานั้นไม่ได้
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์