คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่มีอายุ 10 ขวบ ก็ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์เรื่อยมา ถูกว่ากล่าวเรียกประกันทานบล และส่งโรงเรียนฝึกอาชีพ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 ถูกจำคุกฐานลักทรัพย์ และหลบหนีอีก 1 ปี 4 เดือน 20 วัน ครั้งที่ 5 ถูกจำคุก 20 วันฐานหลบหนีการควบคุม และในครั้งหลังนี้ โทษฐานทำร้ายร่างกายอันเป็นเหตุร้ายหนึ่งจึงควรลงโทษกักกันแก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานลักทรัพย์นางฟงและลงโทษจำเลยทั้ง ๒ ฐานสมคบกันทำร้ายร่างกายนายอิวซก ก่อนคดีนี้ จำเลยที่ ๑ เคยต้องโทษมาแล้ว ๖ ครั้ง ขอให้เพิ่มโทษและส่งไปกักกัน จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การแล้วว่าลักทรัพย์จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา ๒๕๔ ให้จำคุก ๖ เดือน จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๓๓๘ ข้อ ๔ ให้จำคุก ๑ เดือน เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ อีก ๑ ใน ๓ และทดฐานสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๔ เดือน และส่งตัวไปกักกัน ๓ ปี โจทก์อุทธรณ์ แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ จึงให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไห้งดโทษกักกันจำเลยที่ ๑
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ มีสันดานเป็นผู้ร้ายมาตั้งแต่เด็ก คือตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ ก็ได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์เรื่อยมา ถูกกล่าวเรียกประกันทานบล และส่งตัวไปโรงเรียนฝึกหัดอาชีพรวม ๓ ครั้ง ครั้ง ๔ ถูกฐานลักทรัพย์ และหลบหนีอีก ๑ ปี ๔ เดือน ๒๐ วัน ครั้งที่ ๕ จำคุก ๒๐ วัน ฐานหลบหนีการควบคุม และในครั้งหลังแม้ไม่ถูกลงโทษลักทรัพย์ แต่โทษฐานทำร้ายร่างกาจ ก็เป็นเหตุร้ายอย่างหนึ่ง
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น.

Share