แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องที่มิได้ลงชื่อโจทก์นั้นเป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (7)
ศาลชั้นต้นได้สั่งประทับฟ้องที่ไม่ถูกต้องไว้ และดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพะยานโจทก์ไปแล้ว คงเหลือแต่พนักงานสอบสวนอีกปากเดียว ความจึงปรากฎจากคำร้องของจำเลยว่าโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในฟ้อง ดังนี้จึงมีวิธีที่ศาลจะปฏิบัติตามมาตรา 161 ได้อีกทางเดียวคือให้ยกฟ้องเสีย.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2492)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสืบพะยานโจทก์เหลืออีก ๑ ปาก จำเลยยื่นคำร้องว่า คำฟ้องมิได้มีลายมือชื่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลสั่งติดพะยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาในวันรุ่งขึ้น ในทันใดนั้น โจทก์ได้ยื่นคำต้องว่าคำฟ้องไม่มีลายมือชื่อโจทก์เนื่องจากความพลั้งเผลอ ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์แก้หรือเพิ่มเติมฟ้อง โดยลงชื่อโจทก์ในฟ้อง ถ้าไม่อนุญาต ก็ขอให้สั่งคืนห้อง เพื่อนำมายื่นใหม่ ศาลสั่งไม่อนุญาต แล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า ฟ้องที่มิได้ลงชื่อโจทก์ เป็นฟ้องไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘(๗) ฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๖๑ ให้ศาลสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องหรือยกฟ้องหรือไม่ประทับฟ้อง เรื่องการที่จะกบับสั่งไม่ประทับฟ้องหรือให้โจทก์แก้ฟ้องโดยให้ลงชื่อในฟ้องให้ถูกต้องเป็นการล่วงเลยที่ควรปฏิบัติได้เสียแล้ว เพราะศาลได้สั่งประทับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพะยานโจทก์ไปแล้วคงเหลือแต่พนักงานสอบสวนอีกปากเดียว ดังนี้ มีวิธีที่ศาลจะปฏิบัติตามมาตรา ๑๖๑ ได้อีกทางเดียว คือให้ยกฟ้องเสีย.
พิพากษายืน.