แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หญิงที่เป็นภรรยาผู้เช่าบ้านและอยู่กับผู้เช่าในบ้านเช่ามาช้านานในฐานะเป็นภรรยาผู้เช่า ทั้งในทะเบียนสำมะโน
ครัว ก็ลงชื่อภรรยาผู้นั้นเป็นเจ้าบ้าน แม้ภรรยาผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้เช่าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็เป็น
อันเพียงพอที่จะฟังได้ว่าภรรยานั้นเป็น “ผู้หนึ่งในครอบครัว” ของผู้เช่าตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ฯลฯ ฉะนั้น เมื่อผู้เช่าตายลง ภรรยาผู้นั้น ย่อมมีสิทธิแสดงความจำนงขออยู่ในบ้านเช่านนั้นต่อไปตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหาร ได้เช่าบ้านของโจทก์อยู่ ต่อมาผู้เช่าถึงแก่กรรม จำเลยซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านเช่า
ได้มีหนังสือแสดงความจำนงขออยู่ต่อไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แต่โจทก์เห็นว่า จำเลยมิได้เป็นบุคคลในครอบ
ครัวของผู้เช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย.
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นภรรยาของ พ.ต.อ.พระยาพิทักษ์ทวยหาร แต่มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเพราะขณะนั้นพระยา
พิทักษ์ทวยหารมีภรรยาอยู่แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความตามที่รับกันว่า จำเลยอยู่กับพระยาพิทักษ์-ทวยหารในบ้านรายนี้ มาช้า
นานในฐานะเป็นภรรยาพระยาพิทักษ์ทวยหาร และทั้งในทะเบียนสำมะโนครัว ก็ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าบ้าน เช่นนี้ย่อม
เป็นอันเพียงพอที่จะฟังได้ว่า จำเลยเป็น “ผู้หนึ่งในครอบครัว” ของพระยาพิทักษ์ทวยหารตามความหมาายแห่งพ.ร.บ.
ควบคุมค่าเช่าแล้ว แม้มิได้จดทะเบียนสมรสกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้ข้อวินิจฉัยในคดีนี้เปลี่ยนแปลงใน
ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน.