คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เข้าทำสัญญากับเขาโดยอ้างว่าตนเป็นผู้จัดการหรือตัวแทนของผู้มีชื่อนั้น เมื่อผู้ที่อ้างว่าเป็นตัวการนั้นไม่ให้สัตยาบันผู้เข้าทำสัญญานั้นก็ต้องรับผิดต่อคู่สัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 วรรคท้าย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าคู่สัญญานั้นได้รู้อยู่ว่าตนทำการโดยปราศจากอำนาจหรือนอกเหนือขอบอำนาจ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการหรือตัวแทนเหมืองแร่ของนางสาวบุญสม ได้ทำหนังสือสัญญายินยอมตกลงชดใช้ค่าเสียหายและค่าแรงงาน ตลอดจนค่าอาคารสิ่งปลูกสร้างที่พักที่โจทก์ปลูกสร้างที่พักที่โจทก์ปลูกสร้างไว้ในเหมืองแร่ของนางสาวบุญสมเป็นเงิน 35,000 บาท จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน บัดนี้ฝ่ายจำเลยผิดสัญญา จะต้องชดใช้เงินให้โจทก์ 2 เท่าตามสัญญา จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยที่ 1 อ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ และว่าไม่ใช่ตัวแทนของนางสาวบุญสม ฯลฯ จำเลยที่ 2 ก็ปฏิเสธความรับผิดตามจำเลยที่ 1

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญารวมทั้งเบี้ยปรับให้โจทก์ ฯลฯ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้ง 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้ง 2 ได้ทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับมอบอำนาจประการใด ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 เข้าทำสัญญากับโจทก์โดยอ้างว่าตนเป็นผู้จัดการหรือตัวแทนเหมืองของนางสาวบุญสม โดยรับรองว่าได้รับมอบฉันทะจากนางสาวบุญสม ให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการหรือตัวแทนเข้าทำสัญญา คดีก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 วรรคท้าย เมื่อนางสาวบุญสมไม่ให้สัตยาบัน จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดโดยลำพัง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าบุคคลภายนอกนั้นได้รู้อยู่ว่าตนทำการโดยปราศจากอำนาจ ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์

ฯลฯ

คงพิพากษายืน

Share