แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซื้อขายรถยนต์นั้น เมื่อซื้อขายกันอย่างในสภาพที่ใช้เดินได้. รถยนต์ไม่ใช่เศษเหล็กแล้ว นอกจากผู้ขายจะต้อง
ส่งมอบรถยนต์นั้นแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายยังมีหน้าที่ต้องรับรองต่อกองทะเบียนยานพาหนะกรมตำรวจอีกด้วยว่า ได้โอนกรรมสิทธิรถยนต์คันที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อไปแล้ว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้รับจดทะเบียนรถยนต์คันนั้นให้แก่
ผู้ซื้อ แม้การจดทะเบียนจะไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งกรรมสิทธิดังเช่นโฉนดแผนที่ และการโอนกรรมสิทธในรถไม่ได้
อยู่ที่การจดทะเบียนก็ดี แต่ถึงกระนั้นการจดทะเบียนก็เป็นการจำเป็นแก่การที่จะใช้รถยนต์นั้น./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิรถยนต์ให้แก่โจทก์โดยถูกต้อง เพื่อโจทก์จะได้จดทะเบียนต่อ
เจ้าหน้าที่ยานพาหนะได้ และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับจดทะเบียนให้ เป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาฯ ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยจัดการในการโอนกรรมสิทธิหรือทะเบียนรถพิพาท ๒ คันให้โจทก์เพื่อโจทก์จะนำ
ออกใช้ได้ ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ตามสัญญาข้อ ๒ ก. จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถยนต์ยี่ห้องโตโยต้า ซึ่งมีเครื่องเรียบร้อยอยู่ใน
สภาพที่จะใช้เดินได้ ฯลฯ จึงเป็นที่เห็นได้ว่า เป็นสัญญาส่งมอบรถยนต์ในฐานะเป็นรถยนต์ ไม่ใช่เศษเหล็ก และเป็นที่เข้าใจกันได้ต่อไปด้วยว่า จำเลยจะต้องส่งมอบให้โจทก์ให้ได้ผลใช้รถยนต์นั้นได้ ซึ่งหมายความว่า จำเลยจะ
กระทำตามที่จำเป็น เพื่อให้โจทก์ได้จะทะเบียนรถนั้น เพราะถ้าไม่ได้จดทะเบียน โจทก์ก็ใช้รถนั้นไม่ได้ (พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. ๒๔๗๓ มาตรา ๕) เป็นความจริงที่การจดทะเบรยนไม่ใช่เป็นหลีกฐานแห่งกรรมสิทธิดังเช่นโฉนดแผนที่ และการ
โอนดรรมสืทธิในรถไม่ได้อยู่ที่การจดทะเบียน แต่ถึงกระนั้น การจดทะเบียนก็เป็นการจำเป็นแก่การทีจะใช้รถนั้นดัง
กล่าวแล้ว.
ฯลฯ
จึงพิพากษาแก้เป็นให้ จำเลยรับรองต่อกองทะเบียนรถยนต์กรมตำรวจว่า ได้โอนกรรมสิทธิรายพิพาทให้แก่โจทก์ไป
แล้ว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้รับจดทะเบียนรถรายพิพาทให้โจทก์. ฯลฯ