คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำนารุกเข้าไปในเขตต์หนองหวงห้าม ผู้ใหญ่บ้านจึงไปร้องเรียนต่อเจ้าน่าที่แลโดยอาศัยเหตุที่กรมการอำเภอได้เคยออกประกาศห้ามในเรื่องเช่นนี้มาแล้ว++ใหญ่บ้านจึงได้มีคำสั่งห้ามให้จำเลยทำนุกเข้าไปในที่หวงห้าม จำเลยยังขืนทำอยู่ดังนี้ จำเลยต้องมีผิดฐานขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานอันชอบด้วยกฎหมายตาม ม.334 ข้อ 2 อ้างฎีกาที่ 588/2477 พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.5 ปัญหาข้อเท็จจริง เจตนาจะบุกรุกหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าที่หนองรายพิพาทนี้เป็นหนองหวงห้าม เจ้าพนักงานได้ออกประกาศแลสำรวจขึ้นทะเบียนว่าเป็นที่หวงห้ามแล้วจำเลยได้ทำนาล้ำเข้าไปในเขตต์หนองนี้ทุก ๆ ปีกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว บัดนี้ ค.ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้นำความไปร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่แลโดยอาศัยประกาศของกรรมการอำเภอที่ได้เคยออกประกาศห้ามมิให้ราษฎรทำนารุกที่หนอง จึงได้ห้ามไม่ให้จำเลยทำนาในเขตต์ที่หนองรายนี้ จำเลยขัดขืนไม่ทำตามคำสั่ง โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๒๗-๓๓๔ ข้อ ๒
ศาลล่างทั้ง ๒ เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะบุกรุก แลพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีความผิดฐานบุกรุกแลฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่าในข้อบุกรุกนั้นศาลล่างทั้ง ๒ ฟังว่าจำเลยมิได้มีเจตนาบุกรุกเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ มาตรา ๕
ส่วนข้อฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานนั้นเห็นว่าจำเลยได้ทำนาล้ำเข้าไปในเขตต์หวงห้ามแลเจ้าพนักงานอันมีหน้าที่ได้ห้ามปรามจำเลย ๆ ยังขืนทำอยู่อีก จะอ้างว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดนั้นไม่ได้ เพราะความผิดฐานนี้เป็นฐานลหุโทษแม้มิได้กระทำโดยเจตนาก็ต้องมีโทษตาม ม.๓๓๓ แลเห็นว่าคำสั่งชนิดนี้เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยต้องมีผิดตามมาตรา ๓๓๔ ข้อ ๒ พิพากษาให้ปรับจำเลย ๑๐ บาท

Share