แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแปลสัญญา ในสัญญาประกันอัคคีภัยมีข้อความว่าเมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้นให้ผู้เอาประกันภัยส่งคำเรียกร้องเป็นลายลักษณอักษรระบุรายเลอียดทรัพย์ที่เสียหายและราคาของความวินาศไปให้ผู้รับประกันทราบภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะไม่ใช้เงินให้ เมื่อผู้เอาประกันมิได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อนี้ ผู้รับประกันภัยปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเบี้ยประกันภัยได้
ย่อยาว
คดีได้ความตามข้อเท็จจริงว่าโรงสีไฟของโจทก์ได้ถูกคนลอบวางเพลิงเสียหายหมดเป็นราคา ๓๐,๐๐๐ บาท โจทก์ได้เอาโรงสีไฟนี้ประกันไว้กับบริษัทจำเลยเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท ในสัญญาประกันภัยข้อ ๑๑ มีความว่า เมื่อเกิดวินาศหรือเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งให้บริษัททราบทันที แลภายใน ๑๕ วันหลังจากเกิดเหตุวินาศเสียหายฯลฯ จะต้องยื่นต่อบริษัทซึ่ง(ก)คำเรียกร้องเป็นลายลักษณอักษรสำหรับความวินาศและเสียหายระบุรายการเลอียดตามสมควรของทรัพย์สมบัติที่เสียหายหรือทำลาย และราคาของความวินาศหรือเสียหายเช่นนั้นตามลำดับ ฯลฯ บริษัทจะไม่ใช้เงินแก่ผู้ใด ถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อความข้างบนนี้ เมื่อไฟไหม้แล้วโจทก์มาบอกจำเลย ๆ ได้ส่งคนไปดู ณ ที่ไฟไหม้ แล้วโจทก์ได้จดหมายแจ้งเรื่องไฟไหม้ไปยังจำเลยเป็นลายลักษณอักษรมีความว่า “บัดนี้โรงสีของข้าพเจ้าได้ถูกอัคคีภัยเมื่อวันที่ ๒๘ เดือนพฤศจิกายน ตอนกลางคืนเวลาราว ๑-๒ นาฬิกา เครื่องสีข้าวทั้งเครื่องตลอดจนฉางข้าวเปลือกข้าวสารได้ถูกไฟเผาหมด จึงขอได้รับทราบไว้” ต่อมาโจทก์ได้ไปขอค่าเสียหายด้วยวาจาอีก จำเลยได้ตอบว่าต้องรอทางอำเภอสืบสวนก่อน โจทก์รอต่อมา จึงได้ฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ วินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ ๑๑
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพฤติการณ์ข้างต้นจะเรียกว่าจำเลยได้สละสิทธิที่จะรับค่าเรียกร้องแสดงรายการเลอียดตามสัญญาข้อ ๑๑ ไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้ทำอะไรลงอันจะแสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์รายเลอียดนั้น ตามสัญญาข้อ ๑๑ เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องยื่นภายใน ๑๕ วันหาใช่หน้าที่ของจำเลยจะเรียกเอาไม่ และเห็นว่าจดหมายที่โจทก์มีไปถึงจำเลยก็เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบถึงอัคคีภัยที่เกิดขึ้นโจทก์หาได้ยื่นคำเรียกร้องดังระบุไว้ในสัญญาข้อ ๑๑ ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิอ้างสัญญานั้นมาฟ้องจำเลยได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์