คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายไม้เสากับบริษัทโจทก์ จำเลยตัดฟ้องว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์เซ็นชื่อในสัญญาซื้อขายโดยไม่มีอำนาจเป็นโมฆะ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาขายไม้กับบริษัทโจทก์และได้รับเงินมัดจำหรือชำระหนี้บางส่วนจากบริษัทโจทก์ไปแล้ว ก็ย่อมเกิดสัญญารระหว่างจำเลยกับบริษัทโจทก์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ฉะนั้นปัญหาว่ากรรมการผู้จัดการมีอำนาจเซ็นสัญญากับจำเลยหรือไม่ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๔๙๓ โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาซื้อขายไม่เสาเข็มกัน ๒ ฉบับ จำเลยที่ ๒,๓ เป็นผู้ค้ำประกัน ตามสัญญาหมายเลข ๑ จำเลยรับจะส่งเสาเข็ม ไม้เบ็ญจพรรณ ๑,๐๐๐ ต้นเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์จะส่งภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๔๙๓ จำนวน ๓๐๐ ต้นและภายในวันที่ ๒๐ และ ๓๐ ตุลาคม ๒๔๙๓ อีกคราวละ ๓๕๐ ต้น จำเลยที่ ๑ ได้รับเงินล่างหน้าไป ๒,๐๐๐ บาท แต่ส่งเสาให้โจทก์ได้ ๑๗๐ ต้นเท่านั้นและได้รับเงินไปแล้ว ส่วนตามสัญญาหมายเลข ๒ จำเลยรับจะส่งเสาเข็มไม้แก่น ๘๓ ต้นเป็นเงิน ๓๗,๓๕๐ บาท จะส่งภายในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๙๓ จำนวน ๔๐ ต้น ภายในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๔๙๓ อีก ๔๓ ต้น ได้รับเงินล่วงหน้าไปแล้ว ๙,๓๓๗.๕๐ บาท จำเลยไม่ได้ส่งไม้เสาให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ต้องซื้อไม้จากผู้อื่นและสียค่านายหน้ารวมเป็นเงิน ๑๘,๔๕๐ บาท จึงขอให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงิน ๒๙,๗๘๗.๕๐ บาทแก่โจทก์ และถ้าไม่สามารถชำระก็ให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดใช้แทน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าตามสัญญาหมายเลข ๑ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงยึดเงินล่วงหน้าไว้ ส่วนตามสัญญาหมายเลขที่ ๒ จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงตัวแทนเชิดของโจทก์ไปทำสัญญาซื้อไม้จากบุคคลที่ ๓ จำเลยไม่ต้องรับผิดและยังไม่ผิดนัด จำเลยที่ ๒-๓ ให้การว่าโจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ แล้ว จึงไม่ต้องรับผิด นอกจากนี้จำเลยทั้งสามตัดฟ้องว่าสัญญาหมายเลข ๒ ไม่สมบูรณ์เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นฟังว่า ตามสัญญาหมายเลข ๑ จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ส่วนสัญญาหมายเลข ๒ ขัดตัดฟ้องของจำเลยฟังขึ้นจึงพิพากษาให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ ๒,๐๐๐ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาหมายเลข ๒ จำเลยได้เซ็นชื่อจะขายใบในแก่บริษัทโจทก์และได้รับเงินล่วงหน้าจากบริษัทโจทก์เป็นการวางมัดจำหรือชำระหนี้บางส่วนแล้ว จึงเกิดสัญญาระหว่างบริษัทโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ปัญหาที่ว่ากรรมการผู้จัดการได้เซ็นสัญญาไปโดยถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างเสียให้ศาลชั้นต้นพิจารณาปัญหาว่า จำเลยจะต้องรับผิดชอบเพียงไร หรือไม่ตามข้อต่อสู้ แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share